Author Topic: แปดคำแนะนำง่ายๆสำหรับการจับภาพดวงอาทิตย์ขึ้นและตกที่น่าประทับใจ  (Read 4761 times)

Offline topstep07

  • PS:C
  • Full Member
  • *
  • Posts: 108
    • View Profile
แปดคำแนะนำง่ายๆสำหรับการจับภาพดวงอาทิตย์ขึ้นและตกที่น่าประทับใจ

โพสโดย Tim Gilbreath แปลโดย Topstep07

เว็ปไซต์ต้นฉบับ เพื่อดูภาพประกอบคำบรรยาย
http://digital-photography-school.com/8-simple-guidelines-capturing-spectacular-sunrise-sunset-images/

เมื่อเราจะถามถึงตัวแบบที่ได้รับความนิยมในการถ่ายภาพวิวทิวทัศน์ ภาพของดวงอาทิตย์ตกที่สวยงามจะผุดขึ้นมาในความคิดทันที อะไรคือภาพถ่ายกลางแจ้งที่มีค่าของเขาและเธอ มีสักภาพสองภาพของดวงอาทิตย์ที่กำลังลับขอบฟ้า ในความคิดของคนทั่วไป มันเป็นสิ่งที่ง่ายในการเก็บภาพกับปฎิกิริยาเล็กน้อยจากช่างภาพ
แต่นี้คือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงหรือ?
โชคไม่ดี มันไม่ใช่ ถ้าปราศจากคุณพึ่งพาเพียงโชคช่วยอย่างเดียว คุณต้องการความรู้เพื่อที่จะเริ่มเก็บภาพดวงอาทติย์ขึ้นและตก คำแนะนำเหล่านี้ไม่ได้ยากที่จะเข้าใจและสามารถพัฒนาโอกาสของการเก็บภาพที่เป็นหนึ่งในเทพของธรรมชาติที่เหลือเชื่อ

1. ตรวจสอบสถานที่

สิ่งที่ยั่วยวนใจคือการพบสถานที่สบายๆและเริ่มที่จะถ่ายภาพ แต่มันจะดีมากสำหรับโอกาสที่จะประสบความสำเร็จโดยการวางแผนการถ่ายภาพไว้ก่อนล่วงหน้า สิ่งแรกที่คุณต้องคิดถึงคือ สถานที่ที่ดีที่สุดที่คุณต้องการถ่ายภาพ
ให้เลือกสถานที่ที่ออกจากถนนหรือทางเท้าที่ซึ่งคุณจะไม่ถูกรบกวนง่ายๆ  ไปยังสถานที่นั้นในช่วงที่มีแสงก่อนที่จะถ่ายและให้แน่ใจว่าภาพที่อยู่ด้านหน้าคุณจะไม่ถูกกีดขวางและไม่มีอันตรายอะไร
สิ่งที่เป็นปัจจัยสำคัญหลังจากที่พบสถานที่แล้วคือช่วงเวลาของวัน ที่แน่นอนมันขึ้นอยู่กับสิ่งที่คุณกำลังจะถ่ายภาพดวงอาทิตย์ขึ้นหรือตก มีพายุหรือไม่? ถ้าคุณกำลังถ่ายภาพในช่วงเวลาที่เกิดขึ้นพร้อมกันระหว่างพายุกำลังมาหรือพายุสงบแล้ว ผลของมันสามารถทำให้คุณลังเลได้ ฝนและเมฆพายุสามารถเพิ่มมิติของภาพได้
สิ่งสุดท้าย คุณสามารรถหาช่วงเวลาที่เหมาะสมโดยใช้เครื่องมือออนไลน์ หรือ แอพพลิเคชั่นบนมือถือ เพื่อที่จะได้ข้อมูลที่ถูกต้องสำหรับการขึ้นและตกของดวงอาทติย์ แอพพลิเคชั่นพวกนี้ราคาไม่แพง( และบางครั้งก็ ฟรี) เช่น SunSeeker, Daylight Free และที่เยี่ยมสุดๆ คือ Photographers Ephemeris

2. ดวงอาทิตย์ ขึ้น หรือ ตก?

ถ้าคุณคุ้นเคยกับเรื่องอุณหภูมิสี คุณจะรู้ว่ามันมีความแตกต่างเล็กน้อยมากในแสงที่ปรากฎระหว่างดวงอาทิตย์ตก และสิ่งที่คุณเห็นในยามดวงอาทิตย์ขึ้น  ในยามเช้าแสงจะออกแนวโทนเย็น (สีฟ้าๆ) มากกว่าแสงในช่วงสายๆของตอนเย็น ซึ่งจะออกไปทางโทนสีอุ่นๆซึ่งประกอบไปด้วย สีส้มและสีแดง
ดังนั้นเมื่อเรารู้ถึงความแตกต่างของอุณหภูมิสี คุณอาจจะต้องปรับแต่งมันขึ้นอยู่กับความรู้สึกของคุณในขณะนั้น ไม่ว่าจะใช้ตัวฟิวเตอร์โทนอุ่นหรือโทนเย็น หรือจะไปปรับแต่งภาพที่หลังเพื่อเพิ่ม หรือลดค่าอุณหภูมิสีในภาพสุดท้ายที่ต้องการ ระวังเรื่องการใช้ฟิวเตอร์กับกล้องของคุณเพราะมันจะทำให้คุณภาพของภาพตกลงได้ เพราะว่ามันเป็นการเพิ่มสิ่งกีดขวางแสงที่วิ่งผ่านระหว่างตัวแบบของคุณและเซนเซอร์ของกล้อง

3. วางแผนการถ่ายภาพ

ขั้นตอนที่สำคัญอีกสิ่งหนึ่งที่จะประสบความเร็จก่อนที่จะมุ่งหน้าออกไปถ่ายภาพ คือ การวางแผนว่าอะไรคือความคาดหวังในการได้ภาพที่ต้องการ อะไรที่คุณต้องการ? แสงตกกระทบตัวแบบยังไง? หรือดวงอาทิตย์ตกจะเป็นพระเอกของภาพนี้?
นี้คือช่วงเวลาที่ดีในการพิจารณาในสิ่งอื่นๆที่พิเศษ เช่น ความเป็นไปได้ในการถ่ายภาพ HDR (High Dynamic Range) ถ้ามันทำได้ คุณต้องเตรียมกล้องในการถ่ายภาพหลายครั้งเพื่อเก็บช่วงของโทนสีต่างๆ  ซึ่งภาพเหล่านี้จะประกอบไปด้วยจุดที่สว่างและส่วนที่เป็นเงา ซึ่งมันเป็นหนทางที่เยี่ยมมากในการทำภาพให้มีชีวิตชีวาเหมือนจริง...

4. รวบรวมอุปกรณ์ที่เหมาะสม

เป็นที่ชัดเจนว่า คุณไม่สามารถเก็บภาพที่ดีได้โดยปราศจากอุปกรณ์ที่ถูกต้อง ดังนั้นให้มั่นใจว่าคุณมีอุปกรณ์พร้อมใช้ก่อนจะออกไป สิ่งแรกคือ คุณจะต้องเอาขาตั้งกล้องไปด้วย ไม่ว่าจะดวงอาทิตย์ขึ้นหรือตกมันจะอยู่ในสภาวะที่มีแสงน้อย (ขึ้นอยู่กับรูปแบบการเก็บภาพดวงอาทิตย์ตกที่คุณพยายามเก็บภาพ) ดังนั้นคุณต้องการสิ่งที่มั่นคงสำหรับกล้องของคุณ  สิ่งที่สอง คุณจะต้องพิจารณาเรื่องเลนส์ที่ใช้ถ่ายภาพ ภาพวิวทิวทัศน์ที่สวยงามมักจะถูกเก็บภาพโดยการใช้เลนส์ระยะความยาว 35mm หรือ 50mm (สำหรับพวกครอปเซนเซอร์ 1.6 จะได้ขนาด 56 ถึง 80mm บนระบบ full frame) เลนส์มุมกว้างเป็นสิ่งที่อยากจะแนะนำ รวมถึงพวกเลนส์ซูมซึ่งเก็บภาพในระยะทางยาว 25mm หรือต่ำกว่า (40mm บนตัว full frame) ถ้าคุณมีเลนส์ในแบบความยาวที่กล่าวมา คุณมีโอกาสที่ดีกว่าในการได้ภาพที่คมชัด การใช้เลนส์มุมกว้างจะช่วยให้คุณได้ภาพที่กว้างและครอบคลุมพื้นที่มากกว่า
คุณเป็นเจ้าของและใช้พวกฟิวเตอร์แบบเกลียวที่หมุนเข้าหน้าเลนส์สำหรับกล้องของคุณหรือเปล่า?
แม้ว่าการใช้ฟิวเตอร์สามารถลดคุณภาพของภาพถ่าย เนื่องจากเป็นการเพิ่มสิ่งกีดขวางสำหรับแสงที่จะวิ่งผ่านระหว่างตัวแบบกับเซนเซอร์ของกล้อง แต่พวกมันก็มีประโยชน์ เช่น ฟิวเตอร์ GND (Graduated Neutral Density) ที่ช่วยให้ส่วนบนของท้องฟ้าให้มืดลง หรือพวก ฟิวเตอร์ UV  (Ultraviolet) หรือ โพลาไลซ์ (Polarizing) ที่ช่วยกั้น ควรจะหลีกเลี่ยงฟิวเตอร์พวกนี้เพราะมันจะลดปริมาณของแสงที่จะเข้ามาในเซนเซอร์ เพื่อเพิ่มค่า exposure ซึ่งไม่ใช่ความคิดที่ดีนักถ้าคุณพยายามจะหยุดความเคลื่อนไหวในการถ่ายภาพ

5. การตั้งค่าที่ถูกต้อง

สิ่งถัดไปคือการตั้งค่ากล้องของคุณก่อนที่คุณจะไปออกไปถ่ายภาพ
เมื่อคุณถ่ายภาพวิวทิวทัศน์ คุณต้องใช้รูรับแสงเล็กๆ เช่น f/8, f/11 หรือสูงกว่านี้เพื่อให้ได้ค่าชัดตื้นชัดลึกที่มากสุดและให้ภาพที่คมชัด ถ้าคุณใช้ขาตั้งกล้อง นั่นไม่เป็นปัญหา แม้ว่าการถ่ายภาพด้วยโหมด Manual ซึ่งสามารถปรับค่าชดเชยแสงได้ ผมก็ยังอยากให้คุณถ่ายด้วยโหมด A/AV (โหมดปรับรูรับแสงเอง) ซึ่งผมสามารถกำหนดค่ารูรับแสงเองและปล่อยให้กล้องเลือกความเร็ว shutter ถ้าในสถานการณ์แสงน้อยซึ่งกล้องมันจะสับสนและคุณจะอยู่ในความเสี่ยงที่มี ค่าแสงที่โอเวอร์ คุณจะต้องใช้การชดเชยแสงเพื่อปรับแต่งค่ารับแสงให้ต่ำลง
ค่า ISO ที่ควรใช้ควรอยู่ในช่วง 100 หรือ 200 เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีนอยส์ในภาพถ่าย อีกครั้งหนึ่งถ้ามีขาตั้งกล้องมันก็จะไม่มีปัญหาเหล่านี้ แต่ถ้าคุณถือกล้องด้วยมือเปล่าในการถ่ายภาพ คุณจะต้องเพิ่มค่า ISO ให้สูงขึ้นเพื่อให้ได้ค่าความเร็วของ Shutter ที่เร็วเพียงพอเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาภาพไม่คมชัดและเบลอ
ยังมีคำแนะนำอีกอย่างหนึ่งที่มีประโยชน์ในการเพิ่มความอุ่นของภาพถ่ายนั้นคือการตั้งค่า WB (White Balance) เป็น “Sunny” หรือ “cloudy” แทนที่จะตั้งค่าเป็น Auto แม้ว่าคุณจะเพิ่มความอุ่นของภาพได้ในภาพหลังการถ่าย แต่ภาพถ่ายที่ได้รับการตั้งค่าจากกล้องจะให้ความอุ่นมากกว่าการไปปรับแต่งที่หลัง แน่นอน...ขอให้ถ่ายภาพที่เป็น RAW เสมอ.... เพื่อคุณจะได้ปรับแต่ง shadows และ highlights ที่มันหายไปกลับคืนมาได้ในระหว่างการแต่งภาพ

6. วางองค์ประกอบที่น่าสนใจ

แน่นอน...การเตรียมตัวได้จบลง เวลานี้คุณจะได้พบกับส่วนที่น่าสนุก เมื่อคุณได้ไปถึงสถานที่ที่ต้องการถ่ายภาพและพร้อมที่จะถ่ายภาพ คุณจะต้องพิจารณาถึงเรื่ององค์ประกอบภาพ ข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นง่ายๆในการถ่ายภาพดวงอาทิตย์ขึ้นและตกคือการวางองค์ประกอบในแนวนอนที่อยู่ตรงกลางภาพ มันได้ผลในบางกรณีแต่มันก็เป็นการแบ่งมาตรส่วนที่ชัดเจนเกินไปและมันทำให้ภาพดูไม่น่าสนใจ ลองใช้เวลาสักครู่ในการมองภาพดูว่า อะไรคือสิ่งที่น่าตื่นเต้น มีส่วนไหนที่ดูแล้วไม่น่าสนใจในการโฟกัส  เมื่อคุณได้พิจารณาแล้วคุณก็แค่วางองค์ประกอบในการถ่ายที่รวมเอาสิ่งที่น่าสนใจเข้าไปในภาพด้วย ถ้าคุณรู้สึกแย่ ในวันที่มีเมฆมากซึ่งดูเด่นในวันที่มีอาทิตย์ส่องแสงลองปล่อยให้ตำแหน่งของภาพอยู่สูงกว่า 2 ส่วน 3 ถ้าคุณมีสิ่งที่น่าสนใจในฉากหน้า หรือวิวทิวทัศน์ใต้ดวงอาทิตย์ และมีท้องฟ้าที่ไม่น่าสนใจ ก็ปล่อยให้ตำแหน่งอยู่ต่ำกว่า 2 ใน 3 ของภาพ คุณต้องวาดภาพตามแนวนอนให้ผู้ชมได้เห็นภาพด้วยตาของพวกเขาในส่วนที่น่าสนใจของภาพมากที่สุด

7. คอยจนกว่าจะได้ภาพที่ใช่...

ถ้าคุณเคยมีประสบการณ์ในการถ่ายภาพวิวทิวทัศน์ คุณรู้ว่าการคอยเป็นเกมส์แบบหนึ่ง เนื่องจากว่าแสงธรรมชาติที่น่าสนใจ สามารถเปลี่ยนได้ภายในหนึ่งชั่วโมง หรือบางครั้งก็ภายในหนึ่งนาที  ดังนั้นเวลา คือการสร้างสรรค์ ลองใช้การปรับแต่งค่ารับแสงที่แตกต่าง ลองเล่นกับค่าชดเชยแสงโดยปรับแต่งในโทนสีที่แตกต่าง ปล่อยให้เมฆและดวงอาทิตย์เปลี่ยนตำแหน่งและลองถ่ายใหม่ หรือลองเปลี่ยนมุมภาพที่แตกต่าง บางทีการปล่อยให้วัตถุที่แตกต่างเข้ามาหรือออกจากเฟรมของภาพ และถ่ายพวกมันเป็นฉากหน้าที่ขัดแย้งกับดวงอาทิตย์ขึ้นและตก ยิ่งคุณอยู่ในสถานที่ถ่ายภาพนั้นนานเท่าไร คุณจะได้ภาพถ่ายที่มากมายเท่านั้น

8. อย่าออกจากที่นั่นเร็วเกินไป

สิ่งสุดท้าย สิ่งหนึ่งที่ถือว่าเป็นเรื่องปกติที่คุณได้ยินเกี่ยวกับการถ่ายภาพดวงอาทิตย์ตก นั่นก็คือให้คุณยังอยู่ที่นั่นหลังจากที่ดวงอาทิตย์ตกลับขอบฟ้าไปแล้ว นี้คือความจริง ความน่าสนใจทั้งหมดของภาพจะเปลี่ยนไปในจุดนี้  โทนสี สี และความเข้มในท้องฟ้ากลายเป็นความอิ่มตัวและน่าสนใจ คุณจะต้องยอมเสียส่วนที่เป็นแสงหลัก แต่สิ่งที่ยากจะปฎิเสธคือ ความสวยงามของภาพถ่ายจะเกิดขึ้นหลังจากที่ดวงอาทิตย์ตกลับขอบฟ้าไปแล้ว