Show Posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - topstep07

Pages: 1 ... 4 5 [6]
76
เราจะพัฒนาการวางองค์ประกอบภาพอย่างง่ายกับเลนส์ช่วงธรรมดา หรือช่วงยาว อย่างไร
โพสโดย Andrew S. Gibson แปลโดย Topstep07
เว็ปไซต์ต้นฉบับ
http://digital-photography-school.com/simplify-improve-composition-normal-long-lenses
Wide-Angle Lenses
เลนส์มุมกว้าง
ประเด็นสำคัญของเลนส์มุมกว้างคือ คุณพยายามที่จะรวมเอาสิ่งที่เห็นเข้ามาในเฟรมภาพ มันต้องใช้ความชำนาญมากเพื่อที่จะวางองค์ประกอบภาพกับความกว้างของสิ่งที่มองเห็น แต่มันง่ายมากกับเลนส์ธรรมดา และเลนส์เทเลโฟโต้ เพราะว่าคุณสามารถใช้ประโยชน์ในมุมมองที่แคบเพื่อจัดองค์ประกอบภาพกับพื้นหลังที่กวนสายตาผู้ชมได้ดี
ลองดูว่ามันทำงานอย่างไร (ดูภาพประกอบในเว็ปไซต์)
มุมมองของเลนส์มุมกว้างภาพด้านซ้าย และเลนส์ช่วงยาว (ดูภาพประกอบในเว็ปไซต์)
ในภาพประกอบแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างในการมองเห็นระหว่างเลนส์มุมกว้าง (ด้านซ้าย) และเลนส์เทเลโฟโต้ (ด้านขวา) คุณสามารถคิดได้เลยว่าเลสน์มุมกว้างคือเลนส์ที่รวมทุกอย่าง มันสามารถช่วยให้เก็บภาพได้ครบในสิ่งที่คุณต้องการ คุณสามารถเข้าใกล้ตัวแบบและยังคงที่จะเก็บภาพฉากหลังได้ด้วย
เลนส์เทเลโฟโต้คือเลนส์ที่ไม่รวมทุกอย่าง คุณจะไม่สามารถเข้าใกล้ตัวแบบและมีภาพฉากหลังเพียงเล็กน้อย
ลองดูภาพตัวอย่างสองภาพนี้
ภาพถ่ายบุคคลนี้ผมถ่ายโดยใช้เลนส์มุมกว้าง (24mm กับกล้อง full-frame) ผมสามารถที่จะเข้าใกล้ตัวแบบและยังคงรวมฉากหลังด้วย (ดูภาพประกอบในเว็ปไซต์)
สำหรับภาพถ่ายบุคคลนี้ ผมใช้เลนส์เทเลโฟโต้ช่วงสั้น (85mm บนกล้อง full-frame) ผมสามารถเข้าใกล้ตัวแบบและตัดเอาส่วนของฉากหลังออกไป โดยการเน้นที่ตัวแบบกับฉากหลังดำ (ดูภาพประกอบในเว็ปไซต์)
ผลของมันเหมือนกับเลนส์ 50mm บนกล้อง full-frame (มีค่าเท่ากับเลนส์ 35mm บนกล้อง APS-C และ 25mm บนกล้อง micro-four third) ลองดูภาพที่ถ่ายด้วยเลนส์ 50mm บนกล้อง full-frame
มันมีความหมายว่า คุณสามารถใช้เทคนิคง่ายในการวางองค์ประกอบภาพแม้ว่าคุณจะมีเลนส์คิทเพียงตัวเดียว แค่คุณตั้งค่าให้ใช้ระยะโฟกัสที่ยาวที่สุดและเคลื่อนเข้าไปใกล้ๆ ตัวแบบของคุณ
มีหนทางง่ายๆในการวางองค์ประกอบภาพ คุณไม่ควรจะยึดติดกับระยะโพกัส
1.   ให้ความสนใจฉากหลัง ดูว่ามันมีแสงสว่างหรือบางสิ่งที่มันดึงความสนใจจากตัวแบบหรือไม่?
2.   ดูว่าสีมันเข้ากันได้ไหม? ถ้าสีมันเข้ากันไม่ได้ซึ่งมันสามารถทำให้การวางองค์ประกอบภาพด้อยลงไป
3.   ทดลองกับเรื่องชัดตื้นชัดลึก ใช้รูรับแสงที่กว้างเพื่อช่วยให้วางองค์ประกอบภาพโดยที่ฉากหลังหลุดจากโฟกัส มันดีที่สุดสำหรับพวก prime เลนส์ซึ่งมีค่ารูรับแสงที่กว้างกว่าพวกเลนส์ซูม
4.   เคลื่อนเข้าไปใกล้ตัวแบบให้มากที่สุดที่คุณจะทำได้ สิ่งที่เป็นเทคนิคที่ชื่นชอบของผมคือการใช้ เลนส์ close-up เพื่อลดค่าระยะทางโฟกัสให้น้อยที่สุดของเลนส์ 85mm  และเข้าใกล้ตัวแบบ ข้อดีอีกอย่างคือ  ชัดตื้นชัดลึกจะกลายเป็นภาพที่เข้าใกล้ในระยะแคบๆ ช่วยสร้างภาพโบเก้ที่สวยงามอีกด้วย
นี้คือตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยเลนส์ 85mm ต่อกับเลนส์ close up ของ Canon 500D (ดูภาพประกอบในเว็ปไซต์)
คุณคิดว่ายังไง?  คุณจะใช้เลนส์ช่วงธรรมดาหรือเลนส์เทเลโฟโต้ในการวางองค์ประกอบภาพเหมือนในรูปนี้ไหม? แบบไหนคือช่วงระยะโฟกัสที่คุณชอบ? ลองบอกให้รับได้ทราบบ้างในความคิดเห็นของคุณ

77
6 คำแนะนำสำหรับการถ่ายภาพคนเมื่อคุณเดินทางท่องเที่ยว
A Post By: Kav Dadfar
โพสโดย Kav Dadfar แปลโดย Topstep07
เว็ปไซต์ต้นฉบับ (เพื่อไว้ดูภาพประกอบ)
http://digital-photography-school.com/6-tips-photographing-people-travelling
การถ่ายภาพผู้คนซึ่งคุณไม่รู้หรอกว่ามันสามารถทำให้คุณมีประสบการณ์ที่น่าหวาดกลัวได้ หลายๆคนไม่ขอบในการถ่ายภาพพวกเขาและบางทีต้องขออนุญาติก่อน แต่ถ้าคุณสามารถเอาชนะความกลัว คุณจะได้รางวัลกับการได้ภาพที่น่าอัศจรรย์จากการท่องเที่ยวของคุณและนี้คือข้อแนะนำบางส่วนสำหรับการถ่ายภาพบุคคลเมื่อคุณได้เดินทางท่องเที่ยว ซึ่งจะช่วยคุณเริ่มต้นได้อย่างดี
1. ถ้าเป็นไปได้...ควรที่เราจะขออนุญาตก่อนถ่าย
นี้คืออุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดเมื่อคุณได้พบกับผู้คนแปลกหน้ามันไม่ง่ายที่จะทำ หรือไม่คุณอาจจะพยายามถ่ายภาพอย่างรวดเร็วซึ่งตัวแบบไม่ทันรู้ตัวและทำให้พวกเขาเกิดความรำคาญ ซึ่งไม่อยากแนะนำแบบนี้เพราะคุณอาจจะได้มุมที่ไม่ดีหรือแสงที่ไม่สวย ลองดูคำแนะนำที่ทำให้คุณขออนุญาตพวกเขาก่อนที่ถ่ายภาพ
•   ยิ้มแล้วก็ชี้ไปที่กล้องของคุณ มันเป็นกลเม็ดธรรมดา ถึงแม้ว่าคนเหล่านั้นจะไม่สามารถพูดภาษาคุณได้ก็ตาม
•   ถ้าคุณซื้อของบางอย่างจากพวกเขา มันเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการถ่ายภาพพวกเขา เพราะเขาจะรู้สึกเป็นมิตรกับคุณ
•   ถ้าคุณสามารถเปิดโอกาสคุยกับเขาได้ก่อน ก็ให้ถามว่าเขาทำอะไร ถามเกี่ยวกับเมืองที่เขาอยู่ หรือไม่ก็บอกพวกเขาเกี่ยวกับตัวคุณเอง มันไม่น่าเชื่อว่าผู้คนเหล่านั้นจะตอบรับมากกว่าสิ่งที่คุณได้ทำลงไป
•   ถ้ามีไกด์หรือคนแปลมาช่วยจะเป็นประโยชน์มากในการถามพวกเขา ว่าคุณสามารถถ่ายรูปพวกเขาได้หรือไม่ และให้เขาแนะนำว่าสถานที่ไหนที่ถ่ายไม่ได้
•   ทุกๆ ครั้งที่คุณกำลังจะถ่ายภาพเด็กๆ ขอให้คุณได้ขออนุญาตจากพ่อแม่ของเด็กก่อน
•   ในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง มันเป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีผู้คนที่คุณขอถ่ายรูปเพื่อแลกกับเงิน ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคุณ ว่าคุณต้องการจ่ายเงินเพื่อจะได้ภาพ แต่ถ้าคุณสามารถหลีกเลี่ยงได้ให้ใช้วิธีแอบถ่าย ถ้าคุณตั้งใจที่จะจ่ายเงิน ก็ให้คุณต่อรองราคาก่อนจะถ่ายภาพพวกเขาและก็บอกชัดเจนว่าจะถ่ายกี่ภาพ
•   อย่าทำให้โกรธเคืองถ้าพวกเขาปฎิเสธ เรายังมีโอกาสอีกมากมายและมีผู้คนอีกเยอะที่ยอมให้เราถ่ายรูปพวกเขา
ฉันใช้เวลาประมาณ 10 นาทีในการคุยก่อนที่ขอถ่ายภาพเขา (ดูภาพประกอบในเว็ปไซต์)
2. จงเตรียมพร้อม
ไม่ว่าคุณจะมีความอายหรือไม่ จงเตรียมพร้อมก่อนที่คุณจะเผชิญกับบางคนที่คุณต้องการถ่ายภาพ นึกถึงเรื่องเลนส์ที่คุณกำลังใช้อยู่ คุณต้องการเพิ่ม ISO ด้วยหรือไม่? จะต้องเติมแสงด้วยแฟลชไหม? ให้แน่ใจว่ากล้องของคุณเปิดอยู่และฝาปิดเลนส์เปิดออก มันเป็นสิ่งที่จำเป็นมากถ้าคุณต้องการที่จะถ่ายภาพผู้คนที่เขากำลังยุ่งๆ ตัวอย่างเช่น นักการตลาดจะไม่มีเวลานานมากนักที่จะรอคุณเพื่อถ่ายภาพก่อนที่เขาจะต้องไปพบลูกค้า
3. ภาพบุคคล หรือ สิ่งแวดล้อมภาพบุคคล
ไม่มีคำตอบไหนถูกที่สุดและมันก็ขึ้นอยุ่กับรูปแบบและความพอใจของคุณ การถ่ายภาพบุคคลหน้าตรงควรจะแยกตัวแบบในเฟรมและจับรายละเอียดของใบหน้าพวกเขา บางทีคุณสามารถถ่ายแบบเต็มกรอบภาพถ้าคุณต้องการหรือคุณสามารถยืนถอยหลังมาหน่อยหนึ่งและจับภาพท่าทางและเสื้อผ้าของพวกเขา สิ่งแวดล้อมภาพบุคคลจะเพิ่มรายละเอียดของคนๆนั้นโดยแสดงถึงสิ่งที่อยู่รอบๆตัวเขาและให้ผู้ชมได้เห็นรายละเอียดมากขึ้น โดยธรรมชาติสำหรับสิ่งแวดล้อมของภาพบุคคลจะใช้เลนส์มุมกว้าง (เช่น 24mm – 35mm) เพื่อที่คุณจะสามารถเข้าใกล้ตัวแบบและยังคงสามารถเก็บสิ่งแวดล้อมต่างๆ ได้ด้วย
4. อย่ากลัวที่จะเข้าไปหาตัวแบบ
เมื่อคุณได้รับอนุญาตในการถ่ายภาพจากบางคน อย่ากลัวที่จะตรงไปยังที่ที่พวกเขาอยู่ และคุณต้องการให้พวกเขายืน หรือมองกล้อง พบว่าบางคนจะรู้สึกอึดอัดในการโพสท่า ในฐานะที่คุณเป็นช่างภาพ คุณต้องเข้าหาพวกเขาและทำให้พวกเขารู้สึกว่าง่าย ภาพจะดูมีส่วนร่วมมากหรือไม่ถ้าตัวแบบของคุณกำลังสูบบุหรี่? พวกเขาจะดูดีมากกับการมีหมวกหรือไม่มีมัน? ฉากหลังดูวุ่นวายไหม?  ถ้าพวกเขารู้สึกกังวลก็ทำให้พวกเขาหัวเราะและให้เขารู้สึกสบายๆ เป็นตัวของตัวเอง
ฉันบอกให้ชาวนาคนนี้สูบบุหรี่เพื่อที่เพิ่มอารมณ์ของภาพ (ดูภาพประกอบจากเว็ปไซต์ต้นฉบับ)

ภาพผู้หญิงคนนี้รู้สึกกังวลดังนั้นภาพถ่ายที่ออกมาจะดูเขินๆ ไม่เป็นธรรมชาติ จนกระทั่งฉันได้แนะนำและพูดบางอย่างที่ทำให้เธอหัวเราะ (ดูภาพประกอบจากเว็ปไซต์ต้นฉบับ)

5. ลองดูวันที่มีเมฆมาก
สภาพของวันที่มีเมฆมากก็ทำให้ได้ภาพบุคคลที่ดีได้
บ่อยครั้งศัตรูตัวร้ายของช่างภาพท่องเที่ยว วันที่มีเมฆมากเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการถ่ายภาพบุคคล ความเป็นธรรมชาติและแสงที่นุ่มจะทำให้ตัวแบบของคุณไม่มีแสงเงาที่แข็งกระด้างบนใบหน้า ดังนั้นครั้งต่อไปถ้าคุณพบกับเหตุการณ์วันเมฆมากในระหว่างการเดินทาง ลองมองหาคนที่น่าสนใจในการถ่ายภาพ


6. ฝึกฝน
สิ่งที่สำคัญเกี่ยวกับการถ่ายภาพบุคคลคือคุณสามารถฝึกฝนมันอย่างง่ายๆ ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนคุณสามารถที่ออกไปพบกับผู้คนเพื่อจะถ่ายภาพได้ ถ้าคุณต้องการฝึกฝนด้านเทคนิค (เช่น ความเร็วชัตเตอร์ แสง หรืออื่นๆ) ให้คุณหาเพื่อน หรือคนในครอบครัวเป็นตัวแบบให้คุณจนกระทั่งมันกลายเป็นเรื่องธรรมชาติ
ระยะช่วงของเลนส์ถ่ายภาพบุคคลคือ 80mm -100mm (ซึ่งทำไมบ่อยครั้งมันจึงถูกว่าเป็นเลนส์ถ่ายภาพบุคคล) แต่ไม่ได้พูดว่าคุณไม่สามารถถ่ายภาพบุคคลด้วยเลนส์ช่วงอื่นๆได้ (ข้อความ นี้คือความสัมพันธ์ของกล้องฟูลเฟรม บนเซนเซอร์ที่ถูกครอป 50mm-75mm ซึ่งมีช่วงที่เหมือนกัน) และถ้าคุณใช้รูรับแสงที่กว้าง (f/2 – f/5.6) คุณสามารถทำให้ฉากหลังละลาย (หลุดโฟกัส) เพื่อว่าการโฟกัสจะอยู่แค่ตัวแบบเท่านั้น จำไว้ว่า ถ้าต้องถ่ายสิ่งแวดล้อมภาพบุคคล คุณต้องใช้เลนส์มุมกว้าง (24mm – 35mm) (ข้อความ 16mm -24mm สำหรับกล้องที่ครอปเซนเซอร์

78
วันนี้เจอบทความที่อ่านดูแล้วก็เข้าใจง่าย...เพียง 2นาทีก็คิดว่าเรานำไปลองใช้งานได้เลย...ครับ

Simple Tip To Mastering Off-Camera Flash (2-Min Read)
คำแนะนำง่ายๆ ในการใช้ แฟลชนอก (แฟลชที่ไม่ได้เสียบอยู่บนตัวกล้อง)
(ใช้เวลา 2 นาทีในการอ่าน)...

โพสโดย Trevor Dayley แปลโดย Topstep07

เว็ปไซต์ต้นฉบับ เพื่อใช้ในการดูภาพประกอบ
http://fstoppers.com/simple-tip-to-mastering-off-camera-flash-2-min-read

ในช่วงเวลา 12 เดือนที่ผ่านมามีช่างภาพที่ต้องการเรียนรู้แฟลชนอกเพิ่มขึ้นมากมาย ปกติแล้วผมได้รับ e-mails หรือข้อความจาก facebook ที่มาจากช่างภาพที่ได้ถามเกี่ยวกับคำแนะนำในเรื่องนี้ ในช่วงเวลาที่ผ่านมาหลายปี ผมพยายามนึกว่าอะไรที่ผมได้เคยเรียนรู้เกี่ยวกับแฟลชนอกที่ง่ายๆ และเมื่อมันผ่านกลับมาอีกมันก็ทำให้คิดถึงคำแนะนำง่ายๆ คือ

ข้อแนะนำง่ายคือเมื่อคุณเอาแฟลชออกจากระบบ ETTL (หรือจะเป็น i-TTL ถ้าคุณใช้กล้อง Nikon) และตั้งให้มันเป็นโหมด Manual ETTL (Evaluative Through The Lens) และตั้งค่าให้เหมือนกับมันทำงานแบบ Auto ทุกครั้งที่คุณถ่ายภาพและยิงแฟลชที่เป็น ETTL คุณจะได้ปริมาณของแสงที่ยิงไปยังตัวแบบที่แตกต่างกัน บางครั้งมากไป หรือบางครั้งแสงไม่พอและบ่อยครั้งก็ปรับให้มันเป็น Auto ผมหมายถึง ETTL แต่สิ่งที่คุณจะพลาดคือการที่จะเข้าใจว่าแฟลชมันทำงานอย่างไร หลังจากที่คุณยิงแฟลชออกไปและก็ภาวนาว่ามันจะต้องได้ภาพที่ดี คุณสามารถใช้ตัวชดเชยแฟลชที่จะเพิ่มหรือลดกำลังแฟลชแต่เมื่อใช้ ETTL ในการปรับค่ารูรับแสง หรือ ISO จะยังคงได้ผลลัพท์ที่เหมือนกัน เพียงแต่แฟลชของคุณทำการชดเชยการยิงแฟลชที่ใช้กำลังมากหรือน้อยเท่านั้น

แทนที่คุณจะใช้ ETTL ผมอยากจะแนะนำให้คุณเปลี่ยนมาใช้ Manual แทนและปรับค่าแฟลชด้วยตัวคุณเอง ผมจะปรับค่าแฟลชอยู่ที่ 1/32nd บางครั้งอาจจะน้อยกว่านี้ถ้าตัวแบบของผมอยู่ใกล้ บางครั้งก็เพิ่มขึ้นอีกนิดขึ้นอยู่กับระยะทางของตัวแบบของผมที่ห่างจากแฟลช แต่ไม่บ่อยครั้งที่ผมใช้ค่ากำลังแฟลชมากกว่า 1/8th ยกเว้นผมถ่ายภาพนอกอาคารก่อนที่ดวงอาทิตย์จะตก (ค่ากำลังของแฟลชมากสุดคือ 1/1st).

เพียงแค่คุณเปลี่ยนจากโหมด ETTL ไปเป็น Manual คุณจะเริ่มเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างกำลังแฟลชและค่ารูรับแสงและ ISO คุณจะเริ่มเข้าใจกฎของ Inverse Square Law ในขณะที่คุณเพิ่มหรือลดระยะทางระหว่างตัวแบบและแฟลชของคุณ นี้คือสิ่งหนึ่งที่สำคัญที่ต้องเข้าใจในการใช้แฟลชนอก แต่คุณอาจจะไม่สามารถเข้าใจมันได้ถ้าคุณยังใช้การถ่ายภาพกับแฟลชที่ใช้โหมด ETTL เพราะว่าแทนที่คุณจะเห็นความแตกต่างตัวแฟลชที่เปลี่ยนค่ากำลังและทำให้คุณได้ภาพที่คุณต้องการ

และนี้คือการบ้านที่อยากให้คุณได้ลองทำ

ถ้าคุณสนใจในการเรียนเรื่อง OCF (Off-Camera Flash) ให้คุณหยิบแฟลชและเปลี่ยนโหมดจาก ETTL ไปเป็น Manual หมุนกำลังแฟลชไปที่ 1/32nd วางแฟลชให้ห่างจากตัวแบบประมาณ 8 ฟุต เริ่มทดลองหมุนค่ารูรับแสงขึ้นหรือลง และปรับค่า ISO เช่นกัน ทำที่ละครั้งและสังเกตความแตกต่างจากสิ่งที่เราได้ปรับไป เมื่อคุณได้สูตรการปรับค่าแล้ว คราวนี้ลองย้ายตัวแฟลชเข้าใกล้หรือไกลจากตัวแบบ และดูว่า Inverse Square Law กับปริมาณแสงที่ได้มีผลกับตัวแบบอย่างไร
ในการปรับค่าแฟลชเป็น Manual กับกำลังแฟลชที่คงที่ คุณจะเริ่มเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างแฟลช ค่ารูรับแสง และ ISO และระยะทางซึ่งมีผลต่อกัน และในเวลาอันสั้นนี้คุณจะใช้แฟลชนอกได้ดีกว่าแต่ก่อน

79
โพสโดย Desmond Louw แปลโดย Topstep07
เว็ปไซต์ต้นฉบับ (เพื่อดูภาพประกอบ)
http://digital-photography-school.com/7-tips-taking-better-photographs-cars

การถ่ายภาพรถยนต์มันเป็นสิ่งที่น่าสนใจในตัวของมันเอง มันเหมือนวิทยาศาสตร์ ทุกๆครั้งที่ผมถ่ายภาพรถผมได้เรียบรู้บางสิ่งจากมัน ผมชอบที่จะแบ่งปันคำแนะนำพื้นฐานเพื่อให้คุณเริ่มและช่วยให้คุณเข้าใจในโลกการถ่ายภาพของพวกนี้....
1. ถ่ายภาพในช่วงเวลาที่เหมาะสม
นี้คือสิ่งที่คนส่วนใหญ่มักจะผิดพลาดเมื่อเขาถ่ายภาพรถยนต์ เวลาที่ดีที่สุดในการถ่ายภาพคือไม่กี่นาทีหลังจากดวงอาทิตย์ตก หรือไม่กี่นาทีก่อนดวงอาทิตย์ขึ้น ใช้ขาตั้งกล้องและให้แสงที่อ่อนนุ่มสาดส่องไปที่รถ ภาพนี้ได้ถูกถ่ายไม่กี่นาทีก่อนดวงอาทิตย์ขึ้น
2. มองหาสิ่งสะท้อนแสง
คุณต้องระวังในเรื่องแสงสะท้อนบนตัวรถ มองไปรอบๆ คุณและมองควบคู่กับรถและดูสิ่งที่มีการสะท้อนบนพื้นผิวของรถ รถ (โดยเฉพาะรถใหม่)จะเหมือนกระจกเงา พยายามหาช่องว่างที่คุณจะเก็บภาพพวกมัน พยายามหลีกเลี่ยงการถ่ายภาพที่ด้านหลังของคุณเป็นตัวอาคารหรือต้นไม้ สิ่งหนึ่งที่สำคัญ คุณต้องแสดงให้ภาพรถเห็นถึงการออกแบบลวดลายเส้นของรถ หรือผมชอบที่จะเรียกมันว่า เส้นโค้งของเธอ... การสะท้อนสามารถทำให้เส้นโค้งถูกทำลายไปได้...
ต้องระวังเป็นพิเศษที่จะไม่ทำการสะท้อนแสงด้วยตัวเองในรูปภาพ ถ้าคุณไม่สามารถหลีกเลี่ยงการสะท้อนนั้นได้ให้คุณวางกล้องบนขาตั้งกล้อง ตั้งเวลาถ่ายและถ่ายภาพ ลองดูภาพรถคันนี้....ผมได้ถ่ายภาพที่มันความมืดมันวาวของรถ BMW 428i โดยด้านหลังของผมไม่มีสิ่งใดนอกจากเส้นแนวนอน คุณสามารถที่จะมองเห็นเส้นแนวนอนอย่างชัดเจนในการสะท้อนบนตัวรถนี้
3. ถ่ายภาพขณะรถกำลังวิ่ง
วิธีที่ง่ายในการที่จะได้ภาพสวย คือการถ่ายภาพรถขณะกำลังวิ่ง (โปรดระมัดระวังเป็นอย่างมากเมื่อกำลังทำสิ่งนี้) การถ่ายภาพรถจากหน้าต่างรถขณะกำลังวิ่งด้วยความเร็ว 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (40 ไมล์ต่อชั่วโมง) ด้วยความเร็ว shutter 1/100 ต่อวินาที
โดยการทำสิ่งนี้ คุณจะได้การเคลื่อนไหวของถนนหรือบนล้อรถที่สวยงาม คุณสามารถลดความเร็ว shutterได้อีก แต่มันก็จะเพิ่มโอกาสให้คุณได้ภาพที่ไม่คมชัด ภาพรถ Audi S3 ถูกถ่ายก่อนดวงอาทิตย์ตก วิ่งด้วยความเร็ว 70 กิโลเมตรต่อชั่วโมงกับความเร็ว shutter 1/80 วินาที
4. สีของรถยนต์
สีที่ถูกทาบนตัวรถก็มีผลกระทบที่แตกต่างในเรื่องการแตกต่างของเวลาในหนึ่งวันกับความแตกต่างของแสง สีส่วนใหญ่จะไม่ชอบแสงตรงจากดวงอาทิตย์ แต่บางสีก็จะดีเมื่อได้แสงตรงๆจากแสงอาทิตย์ ลองดูภาพรถเต่าสีฟ้าที่ถูกถ่ายในช่วงกลางวัน
5. ฉากหลัง
ให้แน่ใจว่าฉากหลังของคุณเหมาะกับตัวรถและหัวข้อที่จะนำเสนอ หลีกเลี่ยงการมีบางสิ่งอยู่ในฉากหลังที่จะดึงดูดสายตาให้ออกไปจากรถ เช่นพวก ถังขยะ สายไฟ หรือรถคันอื่นๆ ที่จะทำลายภาพได้ สำหรับภาพถ่ายรถ Aston Martin ผมใช้ฉากหลังง่ายๆธรรมดา สีเหลืองที่ถูกระบายในฉากหลังมันเข้ากันกับสีของรถ
6. การแพนกล้องเพื่อให้เกิดการเคลื่อนไหวที่ไม่คมชัด
วิธีสุดเจ๋งที่จะทำให้ภาพมีการเคลื่อนไหวคือการยืนอยู่ริมถนนและให้รถวิ่งผ่านคุณไป การจับภาพตามรถไปกับเลนส์เพื่อให้ได้ภาพการเคลื่อนไหวที่เรียบสวย โดยการตั้งค่าความเร็ว shutter ที่ 1/125 ต่อวินาที คุณจะประหลาดใจว่ามันง่ายอะไรเช่นนี้ รถ Ferrari นี้ถูกถ่ายด้วยความเร็ว 1/125 วินาที ที่ 200mm รถกำลังวิ่งด้วยความเร็ว 60กิโลเมตรต่อชั่วโมง (40 ไมล์ต่อชั่วโมง)
7. ปล่อยให้รถอยู่กับธรรมชาติ
อีกทางหนึ่งที่จะให้ภาพสามารถสื่อสารกับคุณได้คือ การให้รถได้อยู่กับสภาพแวดล้อม ตัวอย่างที่เป็นไปได้คือ รถที่มันสะบัดฝุ่นออกมาจากล้อ หรือรถ 4x4 กำลังไต่อยู่บนสิ่งกีดขวาง ลองดูที่รถ Chevrolet Trailblazer กำลังไต่อยู่บนก้อนหิน หรือรถ G-Class AMG กำลังปัดท้ายบนพื้นทราย
8. ถ่ายภาพรถในตอนกลางคืน
ฟังดูแล้วมันน่ากลัว.. แต่คุณจะประหลาดใจว่ามันง่ายและวิเศษมาก ข้อลึกลับที่ยิ่งใหญ่คือการหาสถานที่ที่มืดมากๆ ถ้ามีไฟถนน หรือแสงจันทร์ในยามจันทร์เต็มดวงอาจจะทำให้คุณพลาดได้
เมื่อคุณพบสถานที่นั่นแล้วให้คุณตั้งกล้องบนขาตั้งกล้อง ตั้งค่า ISOไปที่ 100 ความเร็ว shutter 30 วินาที และค่ารูรับแสง f/9 เมื่อ shutter เปิดทำงานแล้วก็ให้ใช้แหล่งกำเนิดแสงส่องไปที่ตัวรถ เดินไปรอบๆ เหมือนการระบายสีบนตัวรถด้วยแสง ใช้ไฟฉายที่ใช้ตามบ้านนี้แหละ
ไม่มีกฎอะไรในที่นี้ การระบายแสงบนตัวรถในทิศทางที่แตกต่างก็จะได้ผลที่แตกต่างกันไป ลองดูบางภาพตัวอย่างในการใช้เทคนิคนี้

80
โพสโดย Valerie Jardin แปลโดย Topstep07
ที่มาของแหล่งข้อมูล (อย่าลืมดูภาพประกอบจากต้นฉบับครับ)
http://digital-photography-school.com/a-quick-and-easy-way-to-make-money-with-your-photography

ช่างภาพหลายๆ คนมีความฝันที่จะขายภาพถ่ายของตัวเองและก็เห็นภาพของพวกเขาที่ถูกพิมพ์แขวนอยู่บนผนังในบ้าน ฉันต้องขอแสดงความเสียใจที่ได้ระเบิดความคิดของคุณแต่มันเป็นสิ่งที่ยากในการที่จะหาเงินจากมัน แม้ว่ามีชื่อที่ยิ่งใหญ่ในภาพก็ไม่ทำให้ชีวิตของเราอยู่กับการพิมพ์ภาพขาย มันอาจจะดูเพียงเงินพิเศษเล็กน้อยกับภาพถ่ายและนี้คือเส้นทางที่ง่ายในการหาเงินกับภาพถ่ายของคุณ
นีกถึงสถานที่ใกล้ตัว
แทนที่จะพยายามไปให้ทั่วโลกและแข่งขันกับช่างภาพนับแสนคนที่พยายามขายภาพของพวกเขา ลองนึกสถานที่ใกล้ตัวคุณดูซิ
คุณสามารถใช้เวลาช่วงวันหยุดทุกปี นั่งอยู่ในบูธงานศิลปะเพียงเพื่อขายของให้ได้เท่าทุนและจ่ายค่าเข้างาน งานแสดงศิลปะเป็นสิ่งที่ดีในการแสดงผลงาน แต่ภาพถ่ายไม่ได้เป็นการขายที่ยิ่งใหญ่และในงานหล่านี้ก็จะมีช่างภาพหลายคนพยายามขายภาพในงานเดียวกัน งานแสดงศิลปะเหล่านี้มีค่าสำหรับช่างภาพ
อีกช่องทางหนึ่งคือการแสดงภาพของคุณตามร้านอาหารหรือร้านกาแฟ ถ้าคุณมีโอกาส ให้แน่ใจว่าเป็นงานเปิดที่จะทำให้คุณสามารถได้ยินเสียงวิพากษ์วิจารณ์ผลงานของคุณและเชิญทุกๆ คนที่คุณนึกถึงมาดูงานของคุณ อย่าให้ภาพของคุณที่โชว์ นานมากกว่าหนึ่งเดือน ไม่มีใครสังเกตหลังจากหลายอาทิตย์ผ่านไป
ฉันกำลังจะบอกเคล็ดลับเล็กๆ ให้คุณ....
หลายปีที่ผ่านมา เมื่อเฉันมีเวลาว่างไม่มากนัก ฉันจะสร้างทีมงานกับช่างศิลป์สองสามคนที่มีรูปแบบที่แตกต่างกัน และก็จัดงานแสดงศิลปะส่วนตัว เราได้รวบรวมรายชื่อและเชิญเพื่อนๆ และครอบครัวเพื่อเข้าร่วมงาน “Art open house” โดยใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง เราทำแบบนี้หลายครั้งในหนึ่งปี เราเวียนกันเป็นเจ้าภาพและแบ่งค่าใช้จ่ายสำหรับค่าอาหารว่างและเครื่องดื่ม เราได้บอกให้ผู้คนเหล่านั้นนำเพื่อนมาด้วย โดยเมื่อเรารวบรวมรายชื่อเรามีรายชื่อจำนวนมากและเราก็สรุปว่าจะให้มีคนเข้าร่วมงานอย่างน้อย 30 ถึง 50 คน
ทำไมการมีคนมาร่วมงานจำนวน 50 คนดีกว่ามีคนร้อยคนที่เดินผ่านบูธระหว่างงานแสดงศิลปะ? คนที่มางานเปิดบ้านศิลปะของคุณจะมีเป้าหมายเดียวคือดูผลงานของคุณ เพื่อการเข้าสังคมและการใช้จ่ายเงิน ฉันเคยขายได้ถึง 100 เหรียญสำหรับงานภาพพิมพ์เล็กๆและการ์ดอวยพรต่างๆครั้งหนึ่งในช่วงตอนเย็น และคุณยังคงมีเวลาที่ดีที่จะได้พูดคุยกับเพื่อนๆ หรือนักศิลปะท่านอื่นๆ อีกด้วย

ขายอะไรดี?

สิ่งเล็กๆ... คุณสามารถที่จะมีสินค้าชิ้นใหญ่ ภาพพิมพ์ในกรอบ หรือบนจอแสดงภาพ หรือเป็นไปได้ทั้งสองแบบ แต่สินค้าชิ้นเล็ก เช่น การ์ดอวยพร จะขายได้ คนส่วนใหญ่ยังคงชื่นชอบการ์ดอวยพร โดยเฉพาะในแทบตอนเหนือของอเมริกา ฉันรู้ว่าความแตกต่างของแต่ละประเทศก็มีวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน คุณอาจจะคิดว่าในโลกของจดหมายอิเล็คทรอนิกส์ การ์ดกระดาษวันหนึ่งจะหายไปในที่สุด ในอีกแง่หนึ่ง อิเล็คทรอนิกส์การ์ด และการอวยพรผ่านโซเชียลมีเดีย เป็นสิ่งธรรมดาและไม่มีความเป็นส่วนตัว ซึ่งการได้รับการ์ดจริงๆที่เป็นจดหมายจะกลายเป็นเรื่องแปลกในที่สุด
ข้อดีของการขายการ์ด คือ ทุกๆ คนสามารถที่จะหาและใช้มันได้ ให้แน่ใจว่าคุณมีการ์ดหลากหลายชนิดจำนวนมากกับรูปภาพที่ดีที่สุด ถ้าคนส่วนใหญ่ไม่สามารถตัดสินใจเลือกอันใดอันหนึ่ง พวกเขาก็จะซื้อมันทั้งหมด อีกข้อแนะนำคือให้แสดงสินค้าที่มีการห่อไว้กับโบว์ พวกเขาจะมีความคิดในการให้ของขวัญที่สนุกๆ กับเพื่อน เพื่อนร่วมงาน คุณครู หรือคนอื่นๆ อีกสักข้อแนะนำ นำเสนอสิทธิพิเศษ ส่วนลดของการเลือกสินค้าที่มีข้อจำกัด คนส่วนใหญ่จะซื้อเพียงสิ่งที่เขารู้สึกว่าได้รับข้อเสนอที่ดี หรือจะใช้สำนวนนี้ ซื้อการ์ด 10ใบรับหนึ่งใบ ฟรี... มันใช้ได้เลยแหละ....

คุณจะทำการ์ดอวยพรอย่างไร

มันอาจจะใช้เวลาและแรงงานไม่มากในการทำการ์ดและมีหลายวิธีในการทำพวกมัน คุณสามารถสั่งการ์ดของคุณซึ่งถูกทำจากคนขายส่ง มันเป็นทางที่ง่ายที่สุดในการดำเนินการแต่มันมีค่าใช้จ่ายและอาจจะไม่คุ้มกับกำไรที่ได้มา
คุณสามารถทำเองได้ ถ้าคุณมีเครื่องprinter ที่พิมพ์รูปภาพแบบคุณภาพดีหน่อย คุณสามารถดาวน์โหลดแม่แบบการ์ดอวยพรและพิพม์มันที่บ้านด้วยกระดาษสวยๆ ตรวจสอบดูว่าค่าใช้จ่ายที่สูงของค่าหมึกพิมพ์ การปรับแต่งในการ์ดแต่ละใบว่ามีค่าใช้จ่ายเท่าไรสำหรับค่าหมึก กระดาษและซอง เป้าหมายคือ ทำการ์ดที่สวยงามกับต้นทุนที่น้อยที่สุดที่เป็นไปได้
หนทางการทำการ์ดที่ไม่แพงแต่ต้องแลกกับเวลาที่เสียไป คือติดรูปบนกระดาษ เลือกกระดาษการ์ดที่เข้ากันกับซองซึ่งสามารถหาซื้อได้ในร้านงานฝีมือทั่วไปในราคาที่สมเหตุสมผล ขั้นต่อไปคือการพิมพ์โลโก้ของคุณ ข้อมูลการติดต่อด้านหลังการ์ด ส่วนที่น่าเบื่อที่สุดคือการติดภาพบนด้านหน้าของการ์ดด้วยเทปสองหน้า
คุณสามารถหุ้มการ์ดด้วยซองกระจกเพื่อให้มันดูแบบมืออาชีพหน่อย หรือ “แบบรักษ์โลก” และไม่ห่ออะไรเลย การสั่งพิมพ์ทางออนไลน์ในขนาด 4x6 จะถูกกว่าในราคาต่อแผ่นไม่กี่สตางค์ (ถูกกว่าพิมพ์เอง)
จำไว้ว่า การ์ดอวยพรที่เราซื้อจากร้านจะมีราคาแพง ความเป็นเอกลักษณ์ของคุณและคุณสามารถที่จะขายมันได้ง่ายๆในราคา 5 เหรียญสหรัฐ ต่อการ์ดหนึ่งใบ ซึ่งสามารถที่เพิ่มมูลค่าได้เมื่อผู้ซื้อต้องการซื้อจำนวนหนึ่งโหล หรือเป็นแพ็คที่จะให้เป็นของขวัญ ถ้าคุณทำมันได้ คุณสามารถที่จะได้กำไรจากมัน 300 ถึง 400 เปอร์เซนต์ในการ์ดแต่ละใบเลยทีเดียว อีกเรื่องที่ต้องจำไว้คือ เป้าหมายการทำสิ่งนี้ไม่ได้เพื่อการเลี้ยงชีพ แต่คุณสามารถที่จะได้เงินหลักร้อยเหรียญในช่วงงานสังสรรค์ และมันทำให้คุณรู้สึกดีกับตัวคุณเอง

สิ่งที่สนุกและเป็นโบนัสสำหรับคุณ นั่นคือ การเป็นช่างภาพ

การถ่ายภาพเพื่อทำการ์ดอวยพรกลายเป็นโครงการการถ่ายภาพที่ยิ่งใหญ่ ลองคิดถึงความแตกต่างของหัวข้อที่คุณจะถ่ายซิ คริสมาส ฮานุกกา วันพ่อ วันแม่ วันเกิด วันวาเลนไทม์ และอีกมากมาย ในที่สุดคุณก็กลายเป็นช่างภาพสต๊อกที่เป็นธุรกิจเล็กๆ ฉันเคยใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมงในแต่ละสัปดาห์เพื่อถ่ายการ์ดอวยพรเป็นของสะสม ตัวอย่างเช่น ถ้าฉันต้องออกไปถ่ายภาพในหัวข้อ วันพ่อ ฉันจะคิดถึงเรื่อง กอล์ฟ การตกปลา รถยนต์โบราณ และอีกมากมาย ทุกๆ การกำหนดหัวข้อด้วยตัวคุณเอง กลายเป็นเหมือนการล่าสมบัติ มันเหมือนกับการที่คุณถ่ายภาพสำหรับตัวแทนขายสต๊อก ความแตกต่างคือ ฉันทำเงินได้มากและฉันก็รู้สึกสนุกในการขายพวกมันมากว่าฉันขายใน iStock
การทดลองเล็กๆ นี้จะตอบสนองได้ถึงสองจุดประสงค์ ฉันสนุกและเรียนรู้มากมายกับการทำงานการถ่ายภาพซึ่งนำมาถึงเงินพิเศษสำหรับค่าทิปหรืออุปกรณ์กล้อง
ข้อดีอีกอย่างคือ ชื่อของคุณจะแพร่กระจายออกไป หลายครั้งที่ลูกค้าส่งเมล์ หรือโทรหาฉันเพื่อที่จะสั่งการ์ดหลังจากที่เขาได้รับไปแล้วหนึ่งใบเพื่อใช้ในโอกาสพิเศษ สิ่งสำคัญคือข้อมูลการติดต่อที่อยู่ด้านหลังการ์ดนั่นแหละ ทุกวันนี้ฉันไม่ได้ทำการ์ดอีกต่อไปแล้ว แต่ฉันก็ได้รับการร้องขอจากบริษัทผลิตการ์ดเพื่อซื้อลิขสิทธิ์ภาพของฉัน
ถ้าคุณรักการถ่ายภาพและถ้าคุณมีเวลาบ้าง ทำไมคุณไม่ลองหาเงินพิเศษจากการขายภาพของคุณละ โชคดีนะค่ะ

81
โพสโดย Brian Barthel แปลโดย Topstep07

ต้นฉบับ จาก web ด้านล่างนี้ครับ ควรเปิดดูภาพประกอบไปด้วยนะครับ
http://digital-photography-school.com/create-great-photos-without-leaving-home

คุณต้องการจะถ่ายภาพ หรือคุณต้องการเป็นช่างภาพ? ผมได้พบกับคำถามนี้ทุกๆ ครั้งที่ออกไปสวิงกอลฟ์ ผมต้องเป็นนักกอล์ฟ แต่ด้วยชีวิตและเวลาของผมทำให้ผมแค่เล่นกอล์ฟ โชคดีที่การสร้างภาพดีๆ ไม่ต้องใช้เวลานานกว่าเล่นกอล์ฟให้ครบ 18 หลุม และนี้เป็นเหตุให้คุณกำลังอ่านบทความนี้ พูดกันง่ายๆ คุณต้องการเป็นช่างภาพ
ถ่ายภาพอะไรดี?
ภาพผู้คน ทิวทัศน์ หรือกีฬา ถ้าเป็นช่างภาพมือใหม่มันจะเป็นสิ่งที่พลักดันให้ถ่ายทุกสิ่งทุกอย่างและนั้นก็เป้นสิ่งที่ดีที่ทำให้รู้ว่าคุณชอบอะไรอย่างแท้จริง อย่างไรก็ตามผมยืนยันได้เลยว่า ความสำเร็จเริ่มแรกจะนำไปสู่ความสำเร็จที่มากมาย
ผมขอย้ำอีกที ความสำเร็จเริ่มแรกจะนำไปสู่ความสำเร็จที่มากมาย
สำหรับช่างภาพมือใหม่ไม่มีความรู้สึกอะไรที่ดีไปกว่าการได้เก็บภาพที่ยอดเยี่ยม และถ้าคุณเป็นเหมือนผม เวลาดูเหมือนจะถูกจำกัด แต่โชคดีที่การเข้าใจเรื่องของแสงเป็นเรื่องง่าย บ้านของคุณเป็นสถานที่ที่ดีที่จะสร้างภาพถ่ายได้มากมาย
ภาพถ่ายทั้งหมดที่อยู่ในบทความนี้เป็นภาพถ่ายที่อยู่ในบ้านของผม ผมไม่มีบ้านที่เป็นสตูดิโอ เหมือนอย่างที่ผมได้พูดไว้ก่อนหน้านี้ ผมมีเวลาน้อยแต่มันก็โอเค เพราะว่าคุณไม่ต้องการอะไรมากในการที่จะถ่ายภาพดีๆ ภาพของดอกทิวลิปและลูกเบสบอลถูกถ่ายโดยมีการใช้แผ่นโพสเตอร์สีขาวราคาถูกมาช่วยสะท้อนแสงจากแสงที่ส่องมาจากหน้าต่าง
การใช้แสงส่องผ่านหน้าต่าง
ไม่มีอะไรที่เป็นองค์ประกอบสำคัญในการสร้างภาพกับแสงที่ส่องผ่านหน้าต่าง ผมจะใช้ขาตั้งกล้องและผมแนะนำว่าควรจะต้องมีมันไว้ อย่างไรก็ตามถ้าคุณไม่มีขาตั้งกล้อง คุณจะต้องดัน ISO ให้สูงขึ้นเพื่อให้ ความเร็วของ shutter เพียงพอที่คุณจะถือกล้องด้วยมือเปล่าได้ สำหรับกฎง่ายๆ คือ คุณต้องการความเร็ว shutter 1 หารด้วย ระยะ focal length ของตัวเลนส์ ตัวอย่างเช่น คุณใช้เลนส์ช่วง 100 mm สำหรับการถ่ายภาพดอกทิวลิป และใช้ค่า f/16 เปิดค่า exposureประมาณ 8วินาที ถ้าผมไม่มีขาตั้งกล้อง ผมจะต้องเพิ่ม ISO จนกระทั่งผมได้ความเร็ว shutter เท่ากับ 1/100 (เพราะว่าผมใช้เลนส์ช่วง 100mm) เพื่อให้ได้ภาพที่คมชัด แต่ถ้าผมใช้ขาตั้งกล้อง ผมจะเปิดค่ากล้องนาน 8 วินาทีก็ไม่มีปัญหาอะไร..
โอกาสการถ่ายภาพโดยใช้แสงผ่านหน้าต่างไม่มีที่สิ้นสุด อีกครั้งหนึ่งคุณจะต้องถือกล้องด้วยมือเปล่า และคุณต้องเพิ่มค่า ISO แต่ผมจะแนะนำแบบหยาบๆ สำหรับการถ่ายภาพโดยใช้แสงผ่านหน้าต่างดังนี้

• ใช้ขาตั้งกล้อง หรือเพิ่มค่า ISO จนกระทั่งความเร็ว Shutter คือ 1/ค่า focal length ของตัวเลนส์
• ถ้าใช้ขาตั้งกล้อง ขอให้คุณตั้งค่า ISO ให้ต่ำที่สุดเท่าที่จะทำได้
• ให้ตั้งค่ากล้องเป็นโหมด Manual และค่ารูรับแสงเท่ากับ f/11 แล้วก็ปรับค่าความเร็วของ shutter ให้เหมาะสม

สำหรับฉากหลังที่สะอาด เหมือนกับรูปลูกเบสบอลที่เห็น ใช้กระดาษโปสเตอร์สีขาวราคาถูกที่ขายตามโรงเรียนหรือร้านขายอุปกรณ์สำนักงาน หรือร้านต่างๆที่คุณจะหาได้
เมื่อคุณเริ่มเบื่อกับการถ่ายภาพโดยใช้แสงจากหน้าต่างแล้วคุณจะทำอะไรต่อ หรือต้องการเรียนรู้บางสิ่งมากขึ้น ขอให้อยู่ในบ้านนั่นแหละครับ
ขั้นต่อไป เรียนรู้เกี่ยวกับแสง
มีห้องในบ้านมากมายที่จะถ่ายภายในบ้าน แล้วอะไรคือพื้นฐานของการถ่ายภาพ? แสงไง ถึงแม้ว่าคุณจะไม่แฟลชคุณก็ยังคงเรียนรู้แสงที่มีอยู่ในบ้านได้ คุณไม่มีแฟลชแยกใช่ไหม? ไม่มีปัญหา ผมรู้ว่าคุณมีไฟฉาย ผมได้สร้างภาพผลไม้กีวีในห้องอาบน้ำกับแสงไฟฉายที่ส่องมาทางด้านหลังของผลกีวี

ผมจะถ่ายภาพแล้วก็มาดูภาพบนจอ LCD หลังกล้องเพื่อทำการปรับมุมของแสงที่ที่นั่น ผมใช้เวลาในห้องอาบน้ำที่มืดๆและดูเหมือนว่าภรรยาของผมจะมองผมแปลกๆ ผมเรียนรู้การจัดตำแหน่งของแสงที่มีผลกับภาพถ่ายและทำให้ได้ภาพที่เจ๋งสุดๆ
ในท้ายสุด คุณไม่ต้องการแฟลชในการเรียนเรื่องการจัดแสงและให้ได้ภาพที่ดี สิ่งที่คุณต้องการคือห้องมืดๆ (ยิ่งเป็นห้องที่มืดไม่มีแสงเลยยิ่งดี) แล้วก็ไฟฉายหนึ่งอัน

การใช้แฟลช
แล้วถ้าใช้แฟลชละ ผมคิดว่าการใช้แฟลชในการถ่ายภาพเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างภาพ ถ้าคุณมีแฟลชหรือแฟลชหัวกล้องสิ่งที่ดีที่สุดในการถ่ายภาพสำหรับในขั้นต่อไป คือการเรียนรู้ที่จะใช้มัน หลังจากนั้นสิ่งที่ดีที่สุด คือใช้แฟลชแยกออกจากตัวกล้อง รูปภาพตัวตุ๊กตาสีเหลืองที่กำลังยิ้มหรือภาพเงาดำนักกอล์ฟ ที่มีฉากหลังสีแดงทั้งสองภาพนี้ใช้วิธีการแยกแฟลช ซึ่งจะเห็นอยู่ด้านข้างเมื่อได้มีการปรับแต่งภาพแล้ว ภาพเหล่านี้ดูใกล้เมื่อมันอยู่ในกล้องโดยการช่วยของแฟลช เมื่อคุณเข้าใจเกี่ยวกับทิศทางของแฟลชที่ตกกระทบแล้ว คุณจะสามารถจัดการกับทิศทางของแสงเพื่อการถ่ายภาพที่ดีที่สุดจากกล้อง

จากจุดนี้เอง คุณจะเรียนรู้ทีหลังหรือตอนนี้ในขณะที่ผมบอกคุณอยู่ ภาพที่สวยงามมาจากสิ่งที่ธรรมดาสิ่งหนึ่ง นั้นคือ แสงที่ดีเยี่ยม ไม่ว่าคุณจะใช้แสงที่สองผ่านหน้าต่าง แฟลช หรือแสงจากบางสิ่งที่ง่ายๆ เหมือนไฟฉาย มีหลายทางที่คุณสามารถได้แสงที่ดีเยี่ยมในบ้านของคุณเอง
เพื่อเป็นการสรุปอีกครั้งสำหรับสิ่งที่ผมใช้กับภาพถ่ายของผม
• ดอกไม้และลูกเบสบอล ใช้แสงส่องผ่านหน้าต่าง กับแผ่นโปสเตอร์สีขาว และขาตั้งกล้อง
• ผมไม้กีวีผ่าซีก ใช้ขาตั้งกล้อง และไฟฉาย
• นักกอล์ฟเงาดำ ใช้แฟลชแยกหนึ่งตัว กับเจลสีแดงยิงไปที่กระดาษไร้ขอบ
• ตัวตุ๊กตาสีเหลืองกำลังยิ้ม กระดาษสีขาว และแฟลชแยกถือด้วยมือเหนือวัตถุอยู่ด้านซ้ายของกล้อง
เมื่อคุณถ่ายภาพได้หนึ่งภาพกับแสงที่ดีที่สุดในบ้านของคุณ ผมรับรองได้ว่าคุณจะไม่ไปไหน....ขอให้โชคดี...ถ่ายภาพกันต่อไป

82
10 สิ่งเหลือเชื่อสำหรับผู้เริ่มต้น ถ่ายภาพนก

โดย Prathap DK แปลโดย Topstep07

อะไรคือสิ่งที่สำคัญในการที่จะถ่ายภาพนกเพื่อให้ผู้ชมเกิดความสนใจ มันคือกล้อง หรือ เลนส์ หรือ ตัวนกเอง กันละ
ลองจินตนาการ ว่าคุณมีกล้อง Canon 1DX หรือ Nikon D4 และ เลนส์ 800mm แล้วคุณอยู่ในที่ที่กำลังถ่ายภาพนกอินทรีย์หัวขาว ดูแล้วทุกๆสิ่งมันลงตัวสมบูรณ์มากใช่ไหม มันใช่แบบนั้นหรือ?
แต่ถ้าคุณไม่รู้ว่าการถ่ายภาพนกที่ดีนั่นคืออะไร หรือคุณคิดว่าถ่ายภาพเยอะแยะจะทำให้ได้ภาพที่ดี แน่นอนว่า มันไม่ใช่อย่างนั้น คุณอาจจะต้องเก็บภาพอย่างรวดเร็ว ไม่ใช่แค่ถ่ายภาพ
ไม่มีสิ่งใดเลวร้ายไปกว่าภาพที่ดูคมชัดแต่ความหมายเลอะเลือน Ansel Adams กล่าวไว้
ทุกวันนี้คุณจะเรียนบางหลักการสำคัญของการถ่ายภาพนกซึ่งช่วยให้คุณเข้าใจว่าอะไรทำให้ได้การถ่ายภาพนกที่ดี
1. คุณไม่ต้องการเลนส์ราคาแพงสำหรับการถ่ายภาพนกที่ดี
การถ่ายภาพนกที่ดีที่สุดต้องการหลายปัจจัย ดังนี้
• คุณภาพและทิศทางของแสง
• องค์ประกอบ
• ความรู้เกี่ยวกับนกและพฤติกรรมของมัน
• ฉากหลัง
• ความรู้เกี่ยวกับอุปกรณ์ที่คุณใช้งานอยู่
• การติดตั้งที่เหมาะสม
• การใช้ค่า Exposure ที่เหมาะสม
• ตำแหน่งที่คุณอยู่
• 3 + 1 Ps (ความอดทน ความพยายาม การฝึกฝน + ความหลงใหล)
คุณเห็นแล้วว่า มันมีหลายสิ่งที่จะทำให้คุณกลายเป็นช่างภาพถ่ายนกที่ดี ไม่ว่าตัวกล้องแบบ APS-C หรือ DX format กับเลนส์เทเลโฟโต้ที่มีระยะ 300 mm ก็มากเพียวพอกับการถ่ายภาพนกที่ดีได้แล้ว
มันเป็นสิ่งสำคัญที่ควรตระหนักในการถ่ายภาพนก มากกว่าตัวกล้อง หรือเลนส์ เราไม่สามารถปฎิเสธความจริงที่ว่าเลนส์ที่มีช่วงยาวกว่า มันทำให้ง่ายกว่าในการถ่ายภาพนกซึ่งมีการเคลื่อนไหวดั่งม้าพยศ แต่เลนส์เพียงอย่างเดียวก็ไม่ได้ทำให้ได้ภาพนกดีที่สุดเสมอไป
แต่ ถ้าคุณไม่มีเลนส์เทเลโฟโต้ มันคงไม่ได้ทำให้คุณหยุดการถ่ายภาพนกที่ดีได้เหมือนกับการถ่ายภาพ เป็ดป่า, ห่าน, นกนางนวล และ นกกระสา ซึ่งง่ายต่อการจับภาพ แต่คุณไม่สามารถจับภาพนกอินทรีย์หัวขาวในระยะใกล้ๆ ได้ มันก็ไม่ได้ทำให้คุณหยุดการถ่ายภาพนกอินทรีย์หัวขาวที่อยู่ในถิ่นอาศัยของมัน...
ทุกๆสิ่งมันดูเหมือนแย่ไม่ว่าคุณจะมองในสถานการณ์อย่างไร “มันเป็นน้ำครีงแก้ว หรือเต็มแก้ว?”
2. แสงและองค์ประกอบ
การถ่ายภาพคือเรื่องเกี่ยวกับแสง แสงมีหลายลักษณะที่ทำให้ได้ภาพอันน่าอัศจรรย์
แสงช่วงเช้าๆและบ่ายแก่ๆ เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดของการถ่ายภาพนก แสงที่อยู่ในช่วงเวลานี้เป็นแสงที่นุ่ม ข้อพิเศษอีกอย่างคือ นกส่วนใหญ่จะรู้สึกกระฉับกระเฉงอีกด้วย
แสงนุ่มมีคุณลักษณะที่อัศจรรย์เหมือน
• มันไม่มีเงาแข็งๆ บนตัวนก
• มันทำให้ขนนกเปล่งปลั่ง
• มันให้แสงในดวงตาของนก
ส่วนการวางองค์ประสอบการถ่ายภาพนกช่วยให้คุณถ่ายทอดเรื่องราวไปในทิศทางที่ดีที่สุด มันเป็นเรื่องที่ง่าย ลองดูพื้นฐานหลักการวางองค์ประกอบภาพที่จะช่วยให้คุณเห็นความแตกต่าง
• ใช้กฎสามส่วนในการวางองค์ประกอบภาพ โดยไม่ให้นกอยู่กลางภาพ
• ใช้สีที่ตัดกันโดยเล็งไปที่พื้นหลังที่มีสีเสริมกันกับตัวนก
• เก็บภาพนกเต็มเฟรมภาพ
• ใช้พื้นหลังเรียบสะอาด ไม่เลอะเทอะ
3. ถ่ายทอดมุมมองในโลกของนก
เราเห็นโลกของเราในระยะความสูงที่ 5 ถึง 6 ฟุต แต่นกมองเห็นโลกในระยะเป็นนิ้วถึงฟุต เพื่อให้ได้ความรู้สึกในโลกของความเป็นนก คุณต้องเข้าไปในระดับเดียวกับพวกมัน
ลงต่ำและไปอย่างช้าๆ
บ่อยครั้งที่เราพยายามถ่ายภาพนกในระดับสายตาของมัน ยกเว้นเมื่อมันบินอยู่บนท้องฟ้า มันเป็นผลพลอยได้ที่จะบดบังสิ่งที่คุณจะอ้างว่า ผมไม่สามารถย่อตัว นอนราบ ฯลฯ ข้อดีที่สามารถเห็นได้คือ
• คุณจะคุ้นเคยกับการถ่ายภาพนกเมื่อคุณได้เห็น eye contact
• คุณจะได้ฉากหน้าและฉากหลังที่ไม่คมชัดพร้อมกัน
• คุณทำให้นกรู้สึกหวาดกลัวน้อยลงเนื่องจากคุณแทบจะไม่ได้ขยับตัวเลย
• คุณจะถ่ายทอดมุมมองในโลกของนกได้อย่างดี
4. ดวงตาคืออะไรทั้งหมด....
ลองดูภาพถ่ายนก อะไรคือสิ่งแรกที่คุณต้องการเห็น มันคือดวงตา ใช่ไหมครับ
เราตั้งใจทำให้ดวงตาเป็นสะพานเชื่อมกับการมีชีวิตชีวาของภาพ มันไม่แตกต่างกับนก ดวงตาคือหน้าต่างของดวงใจ ถ้าไม่มีแสงในดวงตามันทำให้พวกมันน่าเบื่อ ไร้ชีวิต นกจะดูมีชีวิตชีวาเมื่อมันมีแสงในดวงตาพวกมัน แสงในดวงตาเหล่านี้จะถูกเรียกว่า Catch light
ลองดูคำแนะนำบางอย่างที่คุณสามารถนำไปใช้ได้ง่ายๆ ในการถ่ายภาพนกที่ดึขึ้น
• พยายามให้ดวงตาของนกอยู่ในโฟกัสที่คมชัด
• ตรวจสอบ catch light ในดวงตาของนก (มันง่ายมากถ้ามีแสงมาด้านหน้าของนก)
• ให้แน่ใจว่าการถ่ายภาพของคุณอยู่ในระดับ ดวงตานก....
5. ใส่ให้เต็มกรอบภาพ
ในการถ่ายภาพนก ส่วนใหญ่เราจะถ่ายภาพนกเดี่ยวๆ ขณะที่ถ่ายภาพนกเดี่ยวๆนี้ มันเป็นความคิดที่ดีมากถ้าให้นกอยู่เต็มกรอบภาพ
ข้อดีของการถ่ายภาพนกแบบเต็มกรอบภาพคือ
• มันง่ายในการโฟกัสที่ตัวนก
• มันง่ายที่จะให้เกิดการภาพโบเก้หรือภาพเบลอในฉากหลัง
• มันง่ายที่จะเปิดเผยตัวนก
• มันง่ายที่จะจัดแต่งองค์ประกอบภาพ

6. เล่าเรื่องราว
การเล่าเรื่องราวในการถ่ายภาพนกไม่ควรจะสับสนกับเรื่องราวเหมือนหนังสือ การเล่าเรื่องราวคือทางที่นำไปสู่ช่วงเวลา อารมณ์ สถานที่หรือกิจกรรมของนกในหนึ่งภาพ ผู้ชมสามารถมองเห็นภาพด้วยตัวของมันเองได้
สิ่งที่ง่ายคือ ใส่ภาพของนกและสิ่งแวดล้อมของมันจะให้ความรู้สึกของเรื่องราวดีกว่าภาพนกที่อยู่เต็มกรอบภาพ แต่มันอาจจะไม่เป็นจริงเสมอไป
ลองดูคำแนะนำบางสิ่งที่คุณสามารถทำตามได้ขณะที่คุณถ่ายภาพนกในสถานที่อยู่อาศัยของมัน
• ให้ถ่ายภาพนกที่มีสิ่งแวดล้อมธรรมชาติรวมอยู่ด้วย
• แสดงถึงปฎิกริยาของนกถ้ามันมีนกที่มากกว่าหนึ่งตัว
• แสดงให้เห็นถึงสภาพภูมิอากาศโดยร่วมถึง หิมะ ฝน หรือหมอก
• ถ่ายภาพในช่วง ดวงอาทิตย์ขึ้น และตก
• แสดงถึงฤดูกาลรวมถึง การเบ่งบานของดอกไม้ สีของฤดูใบไม้ผลิ หรือ หิมะ
7. จับภาพการเคลื่อนไหวและลักษณะนิสัย
นกส่วนใหญ่จะไม่ค่อยหยุดนิ่ง มันแทบไม่เคยนั่งนิ่งๆ การจับภาพการเคลื่อนไหวของนกต้องใช้พลังและความอดทนเมื่อเทียบกับการถ่ายภาพนกที่เกาะบนคอนไม้
นี้คือคำแนะนำในการถ่ายภาพนกที่เคลื่อนไหว
• ถ่ายภาพแต่เช้าตรู่ หรือตอนบ่ายแก่ๆเมื่อนกกำลังอยู่ในช่วงกระฉับกระเฉง
• ใช้โหมดการยิ่งภาพรัวๆ เพื่อให้ได้ภาพการแสดงอาการหลายๆ แบบ หลายภาพ
• ติดตามตัวนกจนกระทั่งอยู่ในโฟกัสแล้วล๊อคก่อนที่จะกด ชัตเตอร์
• เรียนรู้ในท่าทาง การเคลื่อนไหว หรือไม่ก็เฝ้าสังเกต หรืออ่านเรื่องราวของมัน
นกจะไม่สนใจในตัวคุณเมื่อพวกมันกำลังหิว มันง่ายมากที่จะเก็บภาพพวกมันในช่วงเวลานี้ แต่ต้องระวังไม่ไปรบกวนพวกมันและรักษาระยะห่างให้ดี
การจับภาพพฤติกรรมของนกมันยากกว่าที่เราคาดคิดไว้ เพราะว่านกส่วนใหญ่จะตื่นตัวและระวังเมื่อเห็นเราอยู่ในสายตาพวกมัน
นกที่ตื่นตัวคอยระวังตัว บ่อยครั้งมันจะพยายามบินหนีและยากที่เห็นพฤติกรรมของมัน คุณสามารถสังเกตเห็นพฤติกรรมที่แท้จริงของนกได้เมื่อมันรู้สึกว่าปลอดภัย มีบางสิ่งที่ทำให้นกรู้สึกปลอดภัย
• ใช้สถานที่ซ้อนตัวคุณที่เป็นธรรมชาติ เช่นพุ่มไม้ หรือต้นไม้ หรือบางสิ่งที่บังตัวคุณเอาไว้
• รอคอยด้วยความอดทนจนกระทั่งนกไม่ได้สนใจในตัวคุณ
• ไปแวะสถานที่ที่นกอยู่บ่อยๆ จนกระทั่งมันรู้สึกปลอดภัยกับตัวคุณหรือไม่คุณก็ได้โอกาสที่ดีในการเก็บภาพ
จำไว้เสมอว่า การศึกษาค้นคว้าทุกสิ่งเกี่ยวกับนกที่คุณจะถ่ายภาพนั้นจะช่วยทำให้คุณถ่ายภาพนกได้ดีกว่าและยังทำให้คุณรู้สึกสนุกที่ได้รู้จักมัน
8. จัดภาพการบินที่สง่างาม
สิ่งที่น่าสนใจมากสุดของการถ่ายภาพนก คือการจัดภาพการบินของนกที่สง่างาม นี้คือสิ่งที่ผู้เริ่มต้นหรือมืออาชีพการถ่ายภาพนกชอบ มันไม่ง่ายที่จะทำให้ผู้ชมภาพได้ร้อง ว้าว...เมื่อคุณถ่ายภาพนกกำลังบินอยู่
การจะประสบความสำเร็จในการถ่ายภาพนกบิจะขึ้นกับตัวนกเท่ากับเทคนิคการจับภาพ นกที่ตัวเล็กจะบินไม่แน่นอนและยากที่จะติดตามและมันก็เล็กมากเมื่ออยู่ในเฟรมของภาพ แต่ถ้านกตัวใหญ่มันจะค่อยๆ เปลี่ยนท่างทางและไม่ยากที่จะติดตาม
ถ้าคุณต้องการประสบความสำเร็จกับการถ่ายภาพนกขณะบิน เริ่มจากนกตัวใหญ่ๆ นกที่เคลื่อนไหวช้า คุณควรเรียนรู้การใช้เทคนิคในการจับภาพนกพวกนี้ด้วย
นี้คือสิ่งที่ง่ายที่จะช่วยให้คุณจับภาพนกที่บินอย่างสง่างาม
• เรียนรู้รูปแบบการบินของนก
• เรียนรู้การขึ้นบิน และการร่อนลงของมัน
• ถ้ามีนกมากกว่าหนึ่งตัว บ่อยครั้งเมื่อนกหนึ่งตัวเริ่มบิน ตัวอื่นๆ ที่เหลือก็จะบินตาม
• ลองแพนตามนกไปสักระยะหนึ่งและปล่อยให้กล้องจับโฟกัสก่อนที่จะกดปุ่มชัตเตอร์
• ใช้โหมด A หรือ Av เพื่อที่เราจะได้ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนสภาพแสงในขณะนั้น
9. ฉากหลังสร้างภาพ
นี้คือหนึ่งในหัวข้อที่ผมชอบและจะย้ำบ่อยๆ คุณคิดอย่างไร มันคือฉากหลัง หรือนกที่ทำให้ได้ภาพ?
ลองถ่ายนกที่คุณชอบและลองดูมันด้วยตัวคุณเอง แล้วลองบอกให้ผมรู้ว่าคุณคิดอย่างไร ในความคิดเห็นด้านล่างนี้
ยกเว้นการถ่ายภาพนกแบบระยะประชิด ในทุกๆแบบของการถ่ายภาพนกจะดูดีมากเมื่อมีฉากหลังที่สะอาดและเรียบง่าย
มันเป็นสิ่งสำคัญที่ควรจะตรวจสอบฉากหลังขณะที่กำลังถ่ายภาพนก ลองดูคำแนะนำง่ายๆนี้
• หลีกเลี่ยงการถ่ายภาพนกเมื่อฉากหลังมันดูไม่น่าสนใจ
• หลีกเลี่ยงการถ่ายภาพนกเมื่อฉากหลังมันดูธรรมดาและน่าเบื่อ
• คอยจนนกอยู่ในตำแหน่งที่ดี หรือเราควรย้ายตำแหน่งที่จะได้ฉากหลังที่น่าสนใจ
• ใช้ค่าสูงสุดของ Aperture ที่จะทำให้ฉากหลังหลุดออกจากโฟกัส
10. เริ่มฝึกฝนกับนกทั่วๆ ไป
ผมอยากจะพลักดันให้คุณลองฝึกการถ่ายภาพนกกับนกทั่วๆ ไป คุณอาจจะเข้าใจในเวลานี้ว่าเทคนิคการถ่ายภาพนกไม่ได้ขึ้นกับกล้อง เลนส์ หรือนก ผมใช้เลนส์ 18-200mm มาเป็นเวลา 4 ปี ผมเรียนรู้และฝึกฝนกับเทคนิคการถ่ายภาพนก กับนกทั่วๆไปเช่น นกนางนวล เป็ดป่า ห่าน และนกกระสา
ผมใช้เวลาในการถ่ายภาพนกทั่วๆ ไป และให้การท้าทายกับตัวผมเองในการถ่ายภาพที่มีเอกลักษณ์ของพวกมันตลอดซึ่งทำให้ผมมีความหลงใหลมาเป็นเวลานานแล้ว ผมได้ให้ความสำคัญกับการศึกาและฝึกฝนการถ่ายภาพ มากกว่าอุปกรณ์ที่ผมมี ผมรู้สึกยินดีเป็นอย่างมากที่จะพูดว่า ผมได้เรียนรู้การถ่ายภาพพื้นฐานจาก Digital Photography school
ผมหวังว่าเรื่องราวของผมนี้จะช่วยเป็นแรงบันดาลใจให้คุณได้ถ่ายภาพนกทั่วๆไปได้อย่างสวยงาม
บทสรุป
มุ่งเป้าไปที่เวลาและพลังในการเรียนรู้ถึงแก่นสาระสำคัญจากรายละเอียดด้านบน พิสูจน์ด้วยตัวคุณเองว่าคุณมีความหลงใหลที่จะออกไปถ่ายภาพนกทุกๆวัน และบ่อยๆ เท่าที่คุณสามารถทำได้
จำไว้ว่าเทคนิคที่เหมาะสมจะเอาชนะอุปกรณ์ จงพยายามที่จะถ่ายภาพนกทั่วไปในแบบที่น่าตื่นตาตื่นใจ มีความสุขกับการถ่ายภาพนก นี้คือเคล็ดลับสู่ความสำเร็จ
ลองแบ่งปันประสบการณ์กับเรา คุณออกไปถ่ายภาพนกบ่อยแค่ไหน คุณคิดว่าเทคนิคอะไรที่เอาชนะอุปกรณ์ ผมยินดีที่จะตอบคำถามทุกคำถามที่คุณมี ถ้าคุณมีคำแนะนำอะไรเกี่ยวกับการถ่ายภาพนกช่วยบอกหรือแนะนำมาได้ครับ

ขอบคุณสำหรับ DPS ที่ได้นำเสนอสิ่งดีๆ ง่ายๆ ครับ
ขอบคุณ Nextogrphers ที่ได้เปิดห้องให้เราได้เรียนรู้การถ่ายภาพอย่างไม่หมดสิ้น

ต้นฉบับ จากที่นี้ครับ
http://digital-photography-school.com/10-incredible-bird-photography-tips-beginners

Pages: 1 ... 4 5 [6]