Author Topic: ลองมาคุยเกี่ยวกับเรื่องแสง....สามแบบของสภาพแสงและการใช้พวกมัน...  (Read 5530 times)

Offline topstep07

  • PS:C
  • Full Member
  • *
  • Posts: 108
    • View Profile
ลองมาคุยเกี่ยวกับเรื่องแสง....สามแบบของสภาพแสงและการใช้พวกมัน...

โพสโดย Daniela Beddall แปลโดย Topstep07   

เว็ปไซต์ต้นฉบับ สำหรับดูภาพประกอบคำบรรยาย
http://digital-photography-school.com/lets-talk-light-3-types-of-lighting-conditions-use/

อะไรทั้งหมดนี้เราจะพูดเกี่ยวกับเรื่อง แสง
เมื่อฉันเริ่มเส้นทางการถ่ายภาพของฉัน ฉันจำได้ว่าทุกๆบทความ (หรือบทความที่เหมือนกัน) บล๊อก หรือ หนังสือ ที่ฉันอ่านจะพูดเกี่ยวกับเรื่อง แสง  “ค้นหาแสง”  “ดูแสง” “มันเกี่ยวกับแสง” “ติดตามแสง” อะไรทั้งหมดนี้พูดเกี่ยวกับเรื่องแสง   ฟังดูคุ้นๆ ไหม
ในไม่ช้าฉันกลายเป็นคนที่ถูกครอบงำเรื่องแสง ฉันจ้องมองผู้คนที่กำลังพูดคุยกับฉัน เพ้อฝัน มองดูว่าแสงที่ตกกระทบลงบนใบหน้าพวกเขา เมื่อฉันเริ่มเดินฉันก็มองดูทิศทางของแสงและเส้นทางที่มันเปลี่ยนในแต่ละช่วงเวลาของวัน มันดูเหมือนว่ามันยากที่จะค้นหาแสง ยิ่งฉันสามารถเห็นมันน้อยมากเท่าไร ฉันคิดว่าฉันไม่เคยได้เห็นแสงเลย ดังนั้นบางสิ่งเกิดขึ้น ฉันไม่สามารถบอกได้แน่ชัดว่าเมื่อไรแต่หลังจากเดือนแห่งการครอบงำเกี่ยวกับแสง ในที่สุดฉันเห็นมัน มันช่างสวยงาม นุ่มนวล ให้ความกระจ่างในเรื่องคุณภาพ และความสามารถในการเปลี่ยนอารมณ์และรูปแบบของภาพ
แสงมีส่วนสำคัญในรูปแบบและความนุ่มนวล โรแมนติกในภาพถ่ายของฉันที่ฉันสร้างขึ้น มีสิ่งต่างๆ มากมายที่ฉันสามารถเขียนหนังสือทั้งเล่มที่เกี่ยวกับเรื่องแสงเพียงอย่างเดียว แต่ตอนนี้ฉันจะโฟกัสไปที่สภาพแสงสามแบบ และข้อดีในการใช้พวกมัน

เปิดร่มเงา

การเปิดร่มเงา คือจุดที่อยู่ระหว่าง ดวงอาทิตย์ และร่มเงา ร่มเงาเกิดขึ้นได้จากตัวตึก ต้นไม้ กำแพง ฯลฯ เมื่อใช้การเปิดร่มเงามันมีสิ่งที่สำคัญที่ต้องมั่นใจว่าคุณมีแสงเพียงพอที่จะสะท้อนเข้ามาในพื้นที่ที่เป็นร่มเงา การเลือกพื้นที่ที่มีสีขาว หรือ แสงจางๆ ของกำแพงหรือพื้นจะช่วยเพิ่มความนุ่มนวล ให้ความสว่างโดยการสะท้อนแสงลงบนพื้นผิวพวกมัน การสะท้อนแสงจะสะท้อนไปทั่วตัวแบบของคุณซึ่งทำให้ตัวแบบดูนุ่มนวล ชวนฝัน และเจิดจรัส
ภาพด้านบนนี้ (ดูภาพประกอบในเว็ปไซต์ต้นฉบับ) ถ่ายแบบเปิดร่มเงา คุณสามารถเห็นเส้นที่อยู่ตรงมุมล่างด้านซ้ายของภาพซึ่งแบ่งส่วนที่เป็นแสงสว่างและพื้นที่ร่มเงา ฉันได้วางนางแบบที่อยู่ในร่มเงาดังนั้นแสงจะสะท้อนเข้าไปที่ตัวของนางแบบ กำแพงหินปูนจะทำหน้าที่เป็นส่วนสะท้อนแสงกลับไปยังตัวแบบของฉัน
สิ่งถัดไปที่ต้องคำนึงเมื่อใช้วิธีการเปิดร่มเงาคือทิศทางที่ตัวแบบต้องเผชิญหน้า ถ้าการหันหน้าของตัวแบบผิดทิศทางการเปิดร่มเงาสามารถทำให้ภาพของคุณดูแบนๆ ดังนั้นในแน่ใจว่าแสงมาจากทางไหนและมันสะท้อนเข้าหาตัวแบบหรือไม่ การใช้พื้นผิวที่สะท้อนแสง หรือแผ่นสะท้อนแสงเพื่อให้ทิศทางของแสงหันกลับไปหาตัวแบบ ในการทำแบบนี้แสงจะยังคงส่องไปที่ใบหน้าของตัวแบบ และคุณยังได้แสงของแววตาที่สวยงามของตัวแบบอีกด้วย การเปิดร่มเงาสามารถใช้ถ่ายแบบได้ตลอดเวลา มันเป็นเครื่องมือที่ดีในการถ่ายภาพตอนช่วงเที่ยงวัน เมื่อดวงอาทิตย์อยู่กลางท้องฟ้าและสร้างเงาที่แข็งกระด้วงบนตัวแบบ

วันที่มีเมฆมาก

วันที่มีเมฆมากคือวันที่ฉันชื่นชอบในการถ่ายภาพ มันเหมือนกับการถ่ายแบบเปิดร่มเงา แต่มันเหมือนการเปิดร่มเงาไปทุกๆ ที่ สิ่งสำคัญในขณะที่มองหาว่าแสงมาจากทางไหน วันที่มีเมฆมากจะไม่จำกัดในพื้นที่ร่มเงา เมฆจะทำหน้าที่เป็นตัวกรองแสงขนาดใหญ่ หรือ ซอฟท์บ๊อก ซึ่งทำให้แสงนุ่มนวล เมื่อถ่ายภาพในวันที่มีเมฆมาก บ่อยครั้งฉันจะมองไปทางที่ดวงอาทิตย์อยู่ แม้ว่าฉันจะไม่สามารถมองเห็นมันหลังก้อนเมฆ ฉันก็แน่ใจว่ามันอยู่ตรงนั้นถ้าไม่มีเมฆมาบัง มี Application บนมือถือมากมายที่จะบอกตำแหน่งของดวงอาทิตย์ในแต่ละช่วงเวลา พวก Application เหล่านี้จะบอกถึงตำแหน่งดวงอาทิตย์ขึ้นและและตก ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ดีมากที่จะช่วยคุณในการวางแผนการถ่ายภาพได้ก่อนล่วงหน้า
ภาพถ่ายด้านล่างนี้ (ดูภาพประกอบในเว็ปไซต์ต้นฉบับ) ถูกถ่ายในวันที่มีฝนเล็กน้อย ฟ้าสีเทา และมีเมฆมาก ฉันยังคงต้องการให้แน่ใจว่าใบหน้าของตัวแบบของฉันได้รับการส่องสว่างจากแสง จากภาพนี้ฉันแน่ใจว่าดวงอาทิตย์อยู่ด้านหลังของฉัน แม้ว่าฉันจะมองไม่เห็นดวงอาทิตย์ผ่านก้อนเมฆก็ตาม  ฉันยังคงสามารถมองเห็นความสว่างของแสงที่อยู่ในก้อนเมฆนั้น ดังนั้นตัวแบบของฉันจะหันตรงไปที่ดวงอาทิตย์โดยที่เขาจะไม่หรี่ตาและไม่มีเงาแข็งๆปรากฎขึ้นมา ก้อนเมฆจะทำหน้าที่เหมือนซอฟท์บ๊อกให้ฉันได้มีแสงที่สวยงาม....
เมื่อเริ่มมีเมฆมาก ช่างภาพหลายคนก็หยุดถ่ายภาพในช่วงที่มีเมฆมาก บนใบหน้าแสงจะปรากฎเป็นแบบทื่อๆมัวๆ แต่ลองมองให้ลึกลงไปคุณจะเห็นการส่องแสงที่มีคุณภาพอย่างน่าประหลาด ภาพที่น่าประทับใจของฉันจะถูกถ่ายในช่วงเวลาแบบนี้แหละ

แสงจากด้านหลัง

แสงจากด้านหลัง ถ้าเราทำถูกวิธีมันสามารถสร้างบรรยากาศและความมีชีวิตชีวาของภาพได้อย่างสวยงาม มันต้องได้รับการฝึกฝนอย่างมากแต่ฉันคิดว่ามันมีค่ามาก มีหลายหนทางที่แตกต่างในการวางตำแหน่งดวงอาทิตย์บนภาพของคุณ  คุณสามารถให้ดวงอาทิตย์อยู่หลังตัวแบบของคุณโดยตรง หรืออยู่ด้านนอกของภาพ หรือ อยู่ในภาพ ในแต่ละแบบจะสร้างผลกระทบที่แตกต่างและจะมีอิทธิพลถึงแสงแฟรและความแข็งกระด้างของแสงที่มากน้อยในภาพของคุณ
สำหรับแสงจากด้านหลังนี้ การวัดค่าแสงจะเป็นส่วนที่สำคัญในการประสบความสำเร็จในการถ่ายภาพ การถ่ายภาพด้วยโหมด Manual จะช่วยให้มั่นใจว่าจะได้การถ่ายที่สมบูรณ์ เมื่อถ่ายภาพที่หันเข้าหาดวงอาทิตย์โดยตรง ฉันจะวัดค่าแสงบนใบหน้าของตัวแบบซึ่งจะอยู่ใต้ตา ฉันรู้ว่ามันจะทำให้รายละเอียดหายไปของไฮไลท์ในฉากหลัง หรือพื้นที่รอบๆ ตัวแบบ แต่ฉันชอบเพิ่มประกายแสงเข้าไป
กล้องถ่ายภาพจะไม่ฉลาดพอในการถ่ายดวงอาทิตย์โดยตรง นี้คือสิ่งที่ทำไมต้องมีเลนส์ฮูด ถึงอย่างไรก็ตามมันก็ไม่เพียงพอ คุณจะได้ยินเสียงหึ่งๆบนตัวเลนส์ของคุณขณะที่โฟกัสบนสิ่งที่คุณกำลังโฟกัส เมื่อสิ่งนี้เกิดขึ้นลองสร้างจุดเล็กบนร่มเงาสำหรับกล้องโดยการยกมือซ้ายเหนือเลนส์ที่จะบังแสง ดูเหมือนมันเป็นเคล็ดลับแต่มันไม่ใช่ อีกทางหนึ่งคือการโฟกัสแบบ manual

อาหารทางความคิด....

สิ่งหนึ่งที่ดีที่สุดของการแนะนำที่ฉันเคยได้รับเมื่อฉันเริ่มถ่ายภาพคือการมองหาแสงก่อนเป็นอันดับแรกและฉากหลังเป็นอันดับสอง มันง่ายในการวางตัวแบบของคุณอยู่ด้านหน้าบางสิ่งที่ดูสวยงามหรือน่าสนใจ  แต่ถ้าแสงอยู่ในตำแหน่งที่แย่คุณจะลงเอยด้วยภาพที่ไม่มีชีวิตชีวาเลย หรือไม่ก็ตัวแบบของคุณจะหรี่ตาและมีเงาแข็งๆ บนใบหน้าของเธอ 
ฉันอยากรู้ว่าคุณค้นหาแสงอย่างไร โปรดแบ่งปันความคิดเห็นหรือข้อแนะนำและรูปของคุณให้เราดูกันบ้างนะคะ...