Author Topic: เรื่องราวการถ่ายภาพงานแต่งงานครั้งแรกและน่าจะเป็นครั้งสุดท้ายของผม  (Read 11829 times)

Offline topstep07

  • PS:C
  • Full Member
  • *
  • Posts: 108
    • View Profile
เรื่องราวการถ่ายภาพงานแต่งงานครั้งแรกและน่าจะเป็นครั้งสุดท้ายของผม

โพสโดย John Davenport แปลโดย Topstep07

เว็ปไซต์ต้นฉบับ เพื่อดูภาพประกอบคำบรรยาย
http://digital-photography-school.com/the-story-of-photographing-my-first-wedding-and-likely-my-last/

ไม่มีคำถามกับการถ่ายภาพงานแต่งงานเป็นหนึ่งรูปแบบที่ได้รับความนิยมของช่างภาพอาชีพ และถ้าคุณเป็นเจ้าของกล้อง DSLR ในเร็วๆ นี้ หรืออนาคตอันใกล้ บางคนที่คุณรู้จักอาจจะขอให้คุณถ่ายภาพงานแต่งงานให้กับพวกเขา สิ่งนี้อาจจะเย้ายวนใจ ผมต้องการให้คุณคิดยาวๆ และคิดเยอะๆ ก่อนที่จะตอบตกลง เพราะว่าการถ่ายภาพงานแต่งงานมีอะไรมากกว่าการยกกล้องเล็งแล้วก็ถ่าย และจับภาพในขณะนั้น  เพื่อช่วยคุณในเรื่องนี้ผมมีบางสิ่งที่จะเล่าให้ฟังครับ
เรื่องของผมคือว่า การถ่ายภาพงานแต่งงานเป็นประสบการณ์ที่ดีมากในการถ่ายภาพในชีวิตของผม ผมก็ไม่คิดว่าผมจะรับงานถ่ายภาพงานแต่งงานในเร็วๆ นี้อีก ผมไม่ต้องการให้คุณคิดว่า ที่ผมพูดอยู่นี้เป็นความคิดที่ไม่ดีในการถ่ายภาพงานแต่งงาน หรือบอกว่าประสบการณ์แรกของผมในการถ่ายภาพงานแต่งงานเป็นประสบการณ์ที่แย่ หรือไม่ใช่ทั้งสองอย่างข้างต้น จริงๆ ผมสนุกกับการถ่ายภาพงานแต่งงาน แต่มีบางสิ่งที่ผมได้เรียนรู้ด้วยตัวผมเองซึ่งทำให้ผมลังเลใจถ้ามีคนมาขอให้ผมทำมันอีกครั้ง

เบื้องหลังของผม

เหมือนกับช่างภาพมือใหม่ทุกวันนี้ ผมสร้างเว็ปไซต์ Facebook และเริ่มที่จะแบ่งปันภาพถ่ายของผมในแต่ละวัน เมื่อเวลาผ่านไปผมสังเกตว่าหน้าเพจมันโตขึ้นเรื่อยๆ ไม่ใช่แค่เพื่อนที่เข้ามาใหม่แต่เป็นเพื่อของเพื่อนและคนอื่นๆ ที่ผมไม่รู้จัก ผมเดาว่าคุณอาจพูดว่าผมเริ่มดึงดูดให้คุณติดตาม หลังจากนั้นหลายปีผ่านไปการแบ่งปันภาพวิวทิวทัศน์และภาพชีวิตสัตว์ป่าจากทั่วใน New England หนึ่งในเพื่อนของน้องสาวผมก็เข้ามาพบผมและขอให้ผมถ่ายภาพงานแต่งงานของเธอ สัญชาตญาณของผมก็ตอบไปว่า “ผมไม่ใช่ช่างภาพงานแต่งงานครับ ทำไมคุณถึงขอให้ผมถ่ายให้ละครับ” ดังนั้นผมก็ทำเป็นเหมือนไม่สนใจ แต่เธอยืนยันว่าเธอชอบสไตล์ของผมและต้องการทำงานกับบางคนที่เธอรู้จักและไว้ใจได้ ถ้านี้คือการให้เครดิตผม ผมคงต้องทำงานหนักละคราวนี้ นี้คือสิ่งที่ผมต้องกลายเป้นช่างภาพงานแต่งงาน คุณจะไม่รู้สึกประหลาดใจที่ได้ยินแบบนี้ที่ในที่สุดผมรับงานนี้

เดือนแห่งการเตรียมตัว

ผมหมายถึง “เป็นเดือน”  เจ้าสาวมีการเตรียมและวางแผน ทุกๆอย่างถูกจองล่วงหน้าเป็นเดือน จริงๆ แล้วช่างภาพเป็นงานสุดท้ายของเธอที่จะจัดเตรียม หลังจากผมรับงานนี้ผมใช้เวลาเกือบจะทั้งปี ผมพยายามเรียนรู้เท่าที่ผมจะทำได้ในการถ่ายภาพงานแต่งงานนี้คือ บทเรียนสามตอนที่ผมได้เรียนรู้มากจาก dps  Wedding Photography 101 (Part 1), Wedding Photography 101 (Part 2), Wedding Photography 101 (Part 3) มันเป็นสิ่งที่ช่างภาพงานแต่งงานควรได้อ่านมัน แต่ถ้าค้นหาอย่างรวดเร็วสำหรับค่ำว่า “การถ่ายภาพงานแต่งงาน” ใน dps จะมีออกมาเป็นโลๆกับบทความที่น่าอ่าน อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ผมอ่านทั้งหมดกับสิ่งที่ผมกำลังทำมันไม่ได้ช่วยให้ผมเตรียมตัวกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆเลย อารมณ์ ความกดดัน เวลาที่เร่งรีบ ปัญหาที่ควบคุมไม่ได้ และสิ่งอื่นๆที่คุณจะต้องรวบไว้ในเพียง 10 ชั่วโมง คุณไม่สามารถอ่านมันได้ทั้งหมดดังนั้นผมให้มืออาชีพส่วนตัวช่วยผม ผมออกไปหาช่างภาพในระแวกใกล้บ้านผู้ซึ่งทำงานใกล้ชิดกับเพื่อนของผม และเขาก็ให้ผมเป็นช่างภาพสำรองของเขาในสองสามงาน
ประสบการณ์นี้ช่วยให้ผมมั่นใจมากขึ้นในการออกไปพบกับเหตุการณ์จริง ผมอยากจะแนะนำว่าให้คุณไปพับกับช่างภาพงานแต่งงานในระแวกใกล้บ้านคุณเพื่อที่จะถ่ายภาพงานแต่งงานครั้งแรกด้วยตัวคุณเอง ประสบการณ์นี้ไม่มีค่าใช้จ่าย สุดท้ายของการเตรียมตัวคือ อุปกรณ์ ผมได้เสียเงินสำหรับการถ่ายภาพงานแต่งงานซึ่งเหมือนกับภาพวิวทิวทัศน์ ภาพชีวิตสัตว์ป่า กับเลนส์มุมกว้าง และเลนส์เทเลไม่เคยคิดว่าจะเป็นเลนส์ที่ผมจะต้องใช้ ดังนั้นผมใช้เงินเล็กน้อยเพื่อเช่ากล้องตัวที่สองสำหรับการถ่ายภาพงานแต่งงาน (คุณไม่ต้องเตรียมก็ได้) และเลนส์ 24-70mm f/2.8 เพื่อช่วยถ่ายภาพในตอนกลางคืน

ความสำเร็จของงานแต่งงาน

การเตรียมการและการให้สัญญากับตัวเองที่จะถ่ายภาพให้ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ผมเรียกมันว่า “ความสำเร็จของงานแต่งงาน” เจ้าบ่าวเจ้าสาวได้ภาพที่พวกเขามีความสุข ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของพวกเขา และผมเรียนรู้ว่า มันเป็นช่วงเวลาที่สั้นมาก
ในวันแต่งงาน ผมได้รวบรวมสติปัญญาของผมทั้งหมดซึ่งวิ่งอยู่ในสารกระตุ้นอะดีนาลีน ผมมีรายการเขียนไว้ว่า “อะไรที่ต้องถ่าย” ซึ่งผมสามารถตรวจสอบได้ตลอดวัน มันยากที่จะจินตนาการเหตุการณ์ มันผ่านไปอย่างรวดเร็วแทบจะไม่ได้พักทานอาหารหรือดื่มน้ำเลย ผมได้ออกจากงานหลังจากงานเต้นรำ ซึ่งผมมีความมั่นใจว่าผมทำงานนี้ได้อย่างดีเท่าที่ผมสามารถทำได้ แต่ทำไมผมไม่อยากทำแบบนี้อีก?

ทำไมผมจึงไม่รับถ่ายภาพงานแต่งงานอีก?

ไม่มีคำถามสำหรับประสบการณ์ที่มีคุณค่านี้ ผมเรียนรู้มากมายด้วยตัวผมเองถึงการเป็นช่างภาพงานแต่งงาน มากพอๆ กับที่ผมถ่ายภาพวิวทิวทัศน์มาเกือบ 3 ปีแล้ว แต่ผมเรียนรู้ว่ามันไม่เหมาะสำหรับผม ผมชอบความสงบของธรรมชาติ และสามารถกลับไปที่นั่นได้อีก เพื่อปรับวิธีการถ่ายในช่วงเวลาต่างๆ และสภาพของแสง งานแต่งงานถ่ายได้ครั้งเดียว คุณได้สภาพแสงอย่างที่เห็น ได้สภาพอากาศอย่างที่เป็น และคุณก็ต้องถ่ายมันกับสภาพที่เกิดขึ้น
คุณต้องเป็นคนของทุกคน บางทีผมไม่ใช่ การเดินไปรอบงานกับผู้คนมากมายที่คุณไม่รู้จักเพื่อจะถ่ายภาพมันเป็นสิ่งที่ยากพอๆ กับคนที่ผมรู้จักเพียงหยิบมือ (เช่น เพื่อนของน้องสาว) ผมไม่คิดว่าผมทำมันได้ด้วยตัวเอง ถ้าปราศจากการช่วยเหลือและปราศจากการฝึกฝน ดังนั้นผมจะกระตุ้นให้ผู้คนได้คิดถึงการถ่ายภาพในงานแต่งงานไม่ใช่แค่การถ่ายภาพ มันเป็นวันสำคัญของหลายคน ไม่ใช่แค่เจ้าบ่าว และเจ้าสาว แต่ครอบครัวของพวกเขา ญาติๆ และเพื่อนๆ ต้องการจดจำวันนี้เท่ากับสิ่งที่คุณต้องทำมันอย่างถูกต้อง
สิ่งสอนใจของเรื่องนี้ คือ การถ่ายภาพงานแต่งงานสามารถเป็นรางวัลของประสบการณ์ แต่คุณต้องลงมือทำมัน ถ้าคุณกำลัง  คิดว่ามันเป็นงานที่ง่าย คิดอีกทีให้ดีครับ โปรดอย่าทำมันแบบฟรีๆ  การจ่ายเงินเพื่อการถ่ายภาพงานแต่งงานเป็นสิ่งที่กระตุ้นให้ผมต้องหาผู้ช่วย เช่าอุปกรณ์ ขับรถไปยังสถานที่แต่งงานและการทำภาพที่มีจำนวนหลายร้อยภาพ ประสบการณ์เป็นเพียงโบนัส

ดูค่าสถิติจากการถ่ายภาพงานแต่งงาน
•   ชั่วโมงที่ใช้ในการถ่ายภาพ ตั้งแต่เริ่มต้นจนจบงาน  ใช้เวลา 10 ชั่วโมง
•   จำนวนภาพถ่ายทั้งหมด  1500 ภาพ
•   จำนวนภาพถ่ายที่ให้กับคู่บ่าวสาว 500 ภาพ
•   การใช้วเลาในการปรับแต่งภาพ ประมาณ 5-6 ชั่วโมง
•   จำนวนชั่วโมงโดยประมาณที่เสียไปกับการเตรียมตัว เวลาที่ใช้ไปกับช่างภาพคนอื่นๆ ฯลฯ   หลายชั่วโมงสำหรับเวลาเตรียมตัวระหว่างอ่านบทความและใช้เวลากับช่างภาพที่ให้คำแนะนำ ผมพูดได้เลยว่า 50 ชั่วโมงหรือมากกว่าในการเตรียมตัว

อุปกรณ์ที่ใช้ในการถ่ายภาพ
•   ตัวกล้อง  เช่ากล้อง Nikon D600 และกล้องของผมเอง D7000 เป็นตัวสำรอง
•   เลนส์  เช่าเลนส์ 24-70mm f/2.8 (ใช้เลนส์ตัวนี้เป็นส่วนใหญ่ตลอดงาน) และเลนส์ของผมเอง Nikon 55-300mm, Tokina 11-16mm และเลนส์ 50mm บนกล้อง D7000
•   แฟลช ใช้ Nikon SB700
•   อุปกรณ์ไฟ  เช่น ร่มหรือตัวสะท้อน   ผมไม่ได้ใช้
•   ขาตั้งกล้อง  Manfrotto 190XBPRO แต่แทบจะไม่ได้ใช้
•   อื่นๆ  ไม่มี แต่ Jim (ผู้ให้คำแนะนำของผม) บอกผมว่าเป็นความคิดที่ดีถ้าคุณมีสิ่งของเช่น เข็มเย็บผ้า ด้าย เทป ยาแก้ปวด ยาแอสไพริน ไทรินอล กรรไกรและอื่นๆ มันไม่ได้มีไว้สำหรับตัวคุณแต่มันทำให้คุณเป็นพระเอกของงานแต่งงานถ้าคุณได้เอาบางสิ่งข้างต้นจากกระเป๋าวิเศษของคุณมาให้เจ้าสาวในเวลาที่เขาต้องการ