Author Topic: ขั้นตอนการปรับแต่งภาพดิจิตอล- ภาพที่ดีกว่าเริ่มจาก การถ่ายภาพจนถึงผลลัพท์สุดท้าย  (Read 7322 times)

Offline topstep07

  • PS:C
  • Full Member
  • *
  • Posts: 108
    • View Profile
 ขั้นตอนการปรับแต่งภาพดิจิตอล- ภาพที่ดีกว่าเริ่มจาก การถ่ายภาพจนถึงผลลัพท์สุดท้ายที่ได้

โพสโดย Nat Coalson แปลโดย Topstep07

เว็ปไซต์ต้นฉบับเพื่อดูภาพประกอบคำบรรยาย
http://digital-photography-school.com/digital-photo-editin…/

ภาพที่ดีกว่าจากการถ่ายภาพสู่ผลลัพท์สุดท้าย
การมองที่ครอบคลุมถึงความสำคัญของขั้นตอนและหลักการที่มีผลกับการปรับแต่งภาพโดยเน้นที่เครื่องมือหลัก
คุณเคยลองหาภาพที่คุณรู้ว่าคุณเคยใช้มันมาก่อน แต่จำไม่ได้ว่าเก็บมันไว้ที่ไหน หรือเรียกมันว่าอะไร? คุณพบว่าตัวคุณเองได้ปรับแต่งภาพที่เคยปรับมาแล้วก่อนหน้านี้? หรือคุณติดขัดที่จะเริ่มที่คุณรู้ว่าสามารถทำได้ดีกว่า แต่ไม่แน่ใจว่าปรับอย่างไร หรือไม่รู้จะเริ่มตรงไหน?
เราอยู่ที่นี้แล้ว จำนวนภาพหลายร้อยภาพที่จัดเรีรยง ไฟล์ที่กระจัดกระจายทั่วไปในฮาร์ดิสก์ ภาพที่หายไป หรือภาพที่ซ้ำซ้อนที่ไม่จำเป็น ภาพที่ถูกซุกซ่อนไว้ในที่ลึกลับกับชื่อที่สับสน หรือการพิมพ์ภาพจองแล็ปที่ดูดี หรือไร้ประโยชน์ ในขณะที่รู้ว่าคุณมีภาพที่มีค่าอยู่เพียงแต่รอการค้นหาและนำมันกลับขึ้นมามีชีวิตอีกครั้ง
(ดูภาพผังขั้นตอน ในเว็ปไซต์ต้นฉบับ)
ถ้าคุณมีความรู้สึกเกี่ยวกับภาพถ่ายดิจิตอลแบบนี้อยู่ มันไม่ได้เกิดขึ้นกับคุณคนเดียว การเก็บภาพดิจิตอลกลายเป็นสิ่งที่ง่ายในช่วงเวลาไม่นานมานี้และมันก็ง่ายที่ทำให้ปวดหัวเช่นกัน เพียงเพราะว่าจำนวนของภาพที่คุณสร้างมันขึ้นมาก
สำหรับช่างภาพที่เอาจริงเอาจัง การถ่ายภาพคือเพียงจุดเริ่มต้นที่มีกระบวนการสลับซับซ้อนที่เต็มไปด้วยหลุมพราง ดังนั้นคุณจัดการกับสภาพยุ่งเหยิง รกรุงรังนี้อย่างไร? กุญแจที่จะนำภาพดิจิตอลของคุณให้ดูน่าสนุกและสร้างสรรค์คือการรับเอามาและปรับเปลี่ยน อย่างมีประสิทธิผล และมีขั้นตอนที่สอดคล้องกัน

ทำไมต้องมีขั้นตอนด้วย

ความคิดดูเป็นเรื่องธรรมดา ขั้นตอนจัดการภาพถ่ายของคุณคือลำดับของขั้นตอนและการปรับแต่งภาพของคุณที่ทำให้เกิดผลลัพท์ที่เสร็จสมบูรณ์และแบ่งปันพวกมันไปยังโลกภายนอก การปรับแต่งภาพก็เหมือนกับการอบขนมเค้กหรือการประกอบเฟอร์นิเจอร์ คุณเริ่มจากส่วนประกอบที่เป็นวัตถุดิบหรือชิ้นส่วนต่างๆ และทำตามขั้นตอนในการที่จะประกอบมันเข้าด้วยกัน ในกระบวนการขั้นตอนของภาพถ่ายที่ดีคือผลลัพท์สุดท้ายที่เป็นภาพสมบูรณ์แบบ เก็บไว้อย่างปลอดภัยสำหรับการนำมาใช้อีกในอนาคต ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่เป็นไปได้
ความมีประสิทธิภาพคือสิ่งสำคัญ ถ้าปราศจากขั้นตอนที่ดีแล้วอย่างน้อยสุดก็คือคุณเสียเวลา แย่สุด คุณอยู่กับความเสี่ยงที่จะสูญเสียภาพที่มีค่าไป ในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา ผมรู้จักช่างภาพงานแต่งงานคนหนึ่งซึ่งกลายเป็นช่างภาพระดับอาชีพผู้ซึ่งได้สูญเสียภาพถ่ายในงานแต่งงานทั้งหมดเนื่องจากความผิดพลาดง่ายๆ ในขั้นตอนการทำงานของเธอเอง (สั้นๆ คือ ความผิดพลาดที่เกิดจากความสับสนในกระบวนการย้ายไฟล์เข้าและรวมถึงไม่มีการสำรองข้อมูลที่เพียงพอ)
คุณอาจจะถ่ายภาพเพื่อความสนุกอย่างเดียวก็ได้ใช่ไหม? ถ้าคุณกำลังวางแผนในการถ่ายภาพอย่างต่อเนื่อง คุณก็ยังคงต้องใช้กระบวนทำงานที่มีประสิทธิภาพอยู่ดี ถ้าไม่การเก็บภาพของคุณจะกลายเป็นเหมือนสัตว์เดรัจฉาน ดุร้าย และยากที่จะทำให้เชืองได้ และภาพของคุณก็จะดูไม่ดีเท่ากับสิ่งที่พวกมันควรจะเป็น ไม่สนุกเลย...
เมื่อคุณได้เริ่มการถ่ายภาพดิจิตอล คุณต้องการการพัฒนานิสัยที่ดีตั้งแต่เริ่มต้นแม้ว่าคุณถ่ายมันมาหลายปีแล้วก็ตาม มันไม่สายเกินไปที่จะพัฒนา

กระบวนของคุณ

ตอนนี้ มันเป็นเรื่องส่วนบุคคล
คุณสามารถสร้างกระบวนการทำงานของภาพถ่ายดิจิตอลที่เหมาะสมกับสถานการณ์และความพึงพอใจของคุณเองได้ แต่ทุกๆกระบวนการขั้นตอนที่มีประสิทธิภาพมีส่วนของงานร่วมกันอยู่ ต้นตอของเทคนิค และการปฎิบัติที่เป็นเลิศ นี้คือกระบวนการที่ถูกสร้างและพัฒนาในโลกของความเป็นจริงโดยใช้ภาพถ่ายหลายประเภท พวกเขานำมาใช้อย่างเท่าๆ กันกับผู้เริ่มต้นที่มีความกระตือรือร้นและระดับมืออาชีพ
ครั้งแรกที่ผมเริ่มปรับแต่งภาพในช่วงก่อน ค.ศ. 1990 โดยทำงานในสำนักพิมพ์นิตยสาร ภายใต้ความกดดันของวันครบกำหนดและต้องจัดการภาพดิจิตอลเป็นพันๆ ภาพ กระบวนการขั้นตอนที่ดีเป็นสิ่งสำคัญมาก ขณะที่ทำงานเป็นช่างภาพ ผมจะปรับแต่งกระบวนการขั้นตอนของผมเองมาเป็นเวลาสิบปีและผมยังคงปรับแต่งมันเล็กน้อยตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงเวลานี้
การที่ยังคงค้นหาแนวทางอย่างต่อเนื่องเพื่อจะได้ไขน๊อตให้แน่นที่จะช่วยกำจัดความเสี่ยงของความเสียหายขณะที่ยังคงฝึกฝนการถ่ายภาพให้มีความสนุกและเป็นรางวัลไปด้วย คุณสามารถมีกระบวนการขั้นตอนของคุณเองได้เช่นกัน เริ่มต้นคุณเพียงแต่ต้องการความเข้าใจปัญหาทั่วๆไปและงานที่คุณต้องเจอ ดังนั้นเรียนรู้เครื่องมือที่ดีที่สุดและเทคนิคในการจัดการพวกมัน สิ่งที่ดีสำหรับกระบวนการจัดการภาพถ่ายคือ
• ใช้ขั้นตอนที่ไม่มากเท่าที่เป็นไปได้
• การทดลองที่ไม่ทำลายผลงาน และยอมให้คุณเปลี่ยนใจ หรือทำอีกครั้งโดยปราศจากการเสียคุณภาพของภาพถ่าย
• ป้องกันภาพของคุณเวลานี้และสำหรับอนาคต
• ลองมองหาภาพที่ดีที่สุด
ตอนนี้เรามาดูส่วนที่สำคัญของกระบวนการขั้นตอนการปรับแต่งภาพถ่ายกัน
(ดูผังขั้นตอนการทำงาน ในเว็ปไซต์ต้นฉบับ)

ขั้นที่ 1 การถ่ายภาพ

อะไรก็ตามที่เป็นผลลัพท์สุดท้ายในสิ่งที่คุณกำลังมองเห็น ภาพถ่ายดิจิตอลที่ดีเยี่ยมเริ่มต้นกับข้อมูลที่ดี คุณจะพยายามทำการถ่ายภาพที่ดีที่สุดที่คุณสามารถทำได้ และโดยส่วนใหญ่ พยายามจบจากในกล้องให้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ทำงานอย่างระมัดระวังในการได้ค่ารับแสงที่แน่นอนกับระดับความคมชัดของฉากหรือตัวแบบโดยไม่ได้คำนึงถึงรูปแบบของภาพที่ถ่าย คุณควรทำงานกับเทคนิคของกล้องอย่างมืออาชีพ

ขั้นที่ 2 การนำเข้า

การก๊อปปี้ไฟล์จากอุปรกรณ์จัดเก็บเคลื่อนที่ไปยังที่เก็บถาวรเป็นสิ่งที่ถูกเรียกว่า การดาวน์โหลด การนำเข้าสู่ การโอน ฯลฯ แต่ผลที่ได้มันเหมือนกัน หลังจากที่ถ่ายภาพมาเสร็จแล้วให้ทำการก๊อปปี้ภาพถ่ายของคุณจากการ์ดความจำไปยังโฟลเดอร์จัดเก็บใหม่ที่อยู่บนฮาร์ทดิสก์ และทำการสำรองข้อมูลทุกๆสิ่งเอาไว้
Backup. Backup. Back Up!
ผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์ทุกคนรู้ถึงความสำคัญของการสำรองข้อมูลดี แต่หลายคนก็ไม่เคยทำมัน หรือไม่ได้ทำอย่างเพียงพอ นี้ไม่ใช่ขั้นตอนเดียวในกระบวนการ มันคือบางสิ่งที่คุณควรทำบ่อยๆในการกระบวน คุณควรมีภาพที่ถูกเก็บไว้อย่างน้อยสามที่ที่แยกแหล่งเก็บจากกัน
1. ที่เก็บต้นฉบับหลักในการทำงาน
2. ตัวสำรองปัจจุบันของต้นฉบับหลัก
3. ตัวสำรองที่เก็บตั้งแต่ในอดีต โดยจัดเก็บแยกจากต้นฉบับและที่สำรองไว้ออกไปไว้ในสถานที่อื่น
(หัวข้อของเรื่องที่จัดเก็บภาพดิจิตอลและการสำรองข้อมูลเป็นสิ่งที่สำคัญที่เราจะต้องย้อนกลับมาดูอีกในอนาคต)

ขั้นที่ 3 การจัดระเบียบ

หลังจากที่รูปภาพของคุณถูกทำสำเนาลงในพื้นที่จัดเก็บข้อมูลในการทำงาน (และการสำรองข้อมูล)แล้ว ให้จัดเรียงรูปภาพแยกภาพที่คุณชื่นชอบออกจากทั้งหมด สิ่งที่ดีที่สุดในการทำสิ่งนี้คือการให้คะแนน (เช่น การใส่จำนวนดาว) หรือการจัดเรียงโดยใช้ (สี, ธงสัญลักษณ์ และอื่นๆ)
ระบบชนิดไหนก็ตามที่คุณชอบใช้ ให้เก็บภาพทั้งหมดจากการถ่ายเพียงครั้งเดียวในหนึ่งโฟลเดอร์และใช้การให้คะแนนด้วยคำอธิบายในสิ่งที่คุณได้เลือกไว้ ในขั้นตอนนี้คุณควรประยุกต์ใช้และเพิ่มตัวนิยามของข้อมูลรวมกับไฟล์ของคุณด้วย คำหลัก(keywords), ลิขสิทธิ์ และข้อมูลการติตต่อ คือข้อมูลอีกประเภทหนึ่งที่คุณสามารถเพิ่มไว้กับภาพถ่ายดิจิตอล

หลีกเลี่ยงโฟลเดอร์นรก

ก่อนหน้านี้ในยุดสื่อดิจิตอล มันเป็นการปฎิบัติทั่วไปในการย้ายไฟล์จากโฟลเดอร์หนึ่งไปยังอีกโฟลเดอร์หนึ่งขณะที่ทำการปรับกระบวนขั้นตอนการทำงาน ตัวอย่างเช่น ภาพต้นฉบับที่แสกนมาจากฟิลม์ควรจะเก็บไว้ในหนึ่งโฟลเดอร์เป็นอันดับแรก ขณะที่ภาพส่วนตัวถูกเลือก มาปรับแต่งและได้ผลลัพท์ออกมา ไฟล์จะถูกทำสำเนาอีกครั้ง (หรือเคลื่อนย้าย)ไปยังอีกโฟลเดอร์หนึ่งเพื่อไปยังขั้นตอนของการทำงาน อย่าทำแบบนี้ มันสร้างโครงสร้างของไฟล์และโฟลเดอร์ที่จัดการได้ยากและทำให้เกิดการจัดระเบียบที่ดีเป็นไปไม่ได้เลย
ซอฟท์แวร์การจัดเก็บภาพสมัยใหม่และพวกที่เฉพาะเจาะจง ตัวนิยามของข้อมูล (metadata) ยอมให้คุณจัดระเบียบไฟล์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าโดยการใช้ขบวนการเสมือนจริง (เช่น Lightroom’s Collections และการสำเนาข้อมูลเสมือน (virtual copies) โดยปราศจากความต้องการในการทำสำเนาหรือเคลื่อนย้ายภาพถ่ายต้นฉบับบนตัวฮาร์ทดิสก์ กระบวนการขั้นตอนการทำงานที่มีประสิทธิภาพไม่ต้องการที่จะต้องแยกโฟลเดอร์สำหรับชนิดของไฟล์ที่แตกต่างกัน

ขั้นที่ 4 การพัฒนาปรับแต่ง

นี้คือที่ซึ่งคุณใช้กระบวนการดิจิตอลที่ทำให้แต่ละภาพออกมาดูดีที่มันสามารถเพิ่มเติมเข้าไปได้ในความคิดสร้างสรรค์ของคุณสำหรับภาพ เหมือนกับขั้นตอนที่ 2 การนำเข้า ขั้นตอนนี้มีชื่อที่แตกต่างขึ้นอยู่กับว่าคุณกำลังคุยกับใคร การพัฒนาปรับแต่ง คือ สิ่งที่ถูกใช้โดย ผู้ใช้งาน Lightroom การเพิ่ม การปรับ การแต่งภาพ และปรับแก้ไขอยู่ในการอธิบายของขั้นตอนนี้ซึ่งตัวมันเองประกอบไปด้วยหลายๆ ขั้นตอน
คำสั่งของการจัดการในการพัฒนาปรับแต่งภาพขึ้นอยู่กับลักษณะของภาพต้นฉบับ บางภาพต้องการการเพิ่มเติมมากกว่าภาพอื่นๆ ซึ่งมันเป็นไปได้ในการจัดลำดับของขั้นตอนตามข้างล่างนี้
คำแนะนำ ทำจากสิ่งที่ใหญ่ไปหาเล็ก
ทำการเปลี่ยนแปลงสิ่งที่ใหญ่ที่สุดก่อน และค่อยทำงานในรายละเอียด ในการปรับแต่งภาพถ่ายมันหมายถึงการทำงานปรับแต่งในภาพรวมก่อน (ซึ่งหมายถึงการนำไปใช้กับภาพทั้งหมด) ก่อนที่เริ่มทำงานในแต่ละภาพ และในก่อนหน้านี้ของกระบวนการทำงาน การนำไปใช้ในการเปลี่ยนของภาพในขั้นตอนรวมก่อนที่จะย้ายไปทำแต่ละภาพ
ขั้นตอนการพัฒนาปรับแต่ง
1. การ Crop และ straighten ซึ่งมันเป็นการเปลี่ยนการจัดองค์ประกอบภาพ การตัดส่วนของภาพสามารถเปลี่ยนภาพของคุณที่สำคัญ มันดีที่สุดที่จะทำมันก่อนการปรับแต่งแต่คุณต้องการใช้ขั้นตอนที่ยอมให้คุณกลับไปแก้ไขการตัดส่วนของภาพที่หลังได้ถ้าคุณเกิดเปลี่ยนใจ

2. แก้ไขการบิดเบี้ยว เลนส์ส่วนใหญ่จะมีค่าของการบิดเบี้ยวอยู่บนภาพ บางเลนส์ก็มาก การแก้ไขการบิดเบี้ยวคือสิ่งแรก เป็นขั้นตอนทั่วๆ ไป
3. การปรับค่ารับแสงและโทน ช่วงของโทนในภาพอ้างถึงระดับของความสว่างในแต่ละค่าพิกเซล จากขาวบริสุทธิ์ไปจนถึงดำสนิท โทนจะแยกออกจากสี ง่ายๆ เพียงตั้งค่าจุดสีขาวและดำสามารถสร้างผลกระทบได้ทั่วทั้งภาพ ดังนั้นคุณควรทำสิ่งนี้ก่อนจะไปปรับสีต่างๆ โทนของความเปรียบต่างควรจะทำในขั้นตอนนี้ ค่าความต่างระหว่างโทนสว่างและมืดควรจะพิจารณาว่ามันมีผลกระทบมากแค่ไหนในภาพ บางภาพก็ดูดีที่สุดเมื่อมีค่าความเปรียบต่างที่ต่ำๆ
4. การปรับค่าไวท์บาลานซ์ และสี ค่าไวท์บาลานซ์ จะมีบทบาทที่ใหญ่ที่สุดในสีของภาพ ถ้าภาพมีค่าสีที่แข็ง ตัวอย่างเช่น ภาพถ่ายในอาคารโดยใช้ค่าไวท์บาลานซ์นอกอาคาร คุณควรจะแก้ไขมันก่อนทำเรื่องโทน แต่สำหรับภาพที่มีค่าไวท์บาลานซ์ที่ดูเหมือนแน่นอนแล้ว ตั้งค่าโทนก่อนที่จะทำค่าไวท์บาลานซ์ให้ดีขึ้น หลังจากปรับค่าไวท์บาลานซ์ค่อยมาพิจารณาเกี่ยวกับการปรับค่าสี
5. การปรับแต่งภาพต่างๆ...นี้คือการปรับแต่งกับภาพส่วนเล็กของภาพ ตัวอย่างการใช้ dodging และ burning (ปรับสว่างและมืด ตามลำดับ) และการเลือกปรับสีต่างๆ โดยทั่วไปคุณควรจะลองปรับภาพแต่ละภาพหลังจากการปรับภาพรวมทั้งหมดเสร็จแล้ว
6. การปรับลดค่าน้อยส์ น้อยส์ปรากฎในภาพดิจิตอลเหมือนหยดสีนุ่มๆ หรือเม็ดจุดด่างๆ ภาพส่วนใหญ่สามารถถูกพัฒนาในการลดค่าน้อยส์ได้หลากหลายวิธี การถ่ายภาพด้วยค่า ISO ที่สูง ถ่ายในตอนกลางคืน หรือถ่ายแบบ underexposed ซึ่งต้องการปรับลดค่าน้อยส์อย่างมาก โดยปกติคุณต้องการลดค่าน้อยส์หลังจากคุณปรับโทนและสี เพราะว่าการปรับแต่งในภาพรวมจะมีผลกับน้อยส์ที่ปรากฎขึ้นด้วย ให้ซูมภาพขึ้นมาใหญ่ๆเพื่อปรับลดน้อยส์และทำภาพให้คมชัด
7. ทำให้คมชัด ความคมชัดคือความเปรียบต่าง ความคมชัดที่ปรากฎในภาพดิจิตอลเป็นรากฐานของการเกี่ยวโยง ความสว่างหรือความมืดของพิกเซ็ลรอบขอบของเส้นภายในภาพ ยิ่งมีความเปรียบต่างมากตามขอบเท่ากับยิ่งมีความคมชัดมากด้วย คุณไม่ควรจะพยายามปรับระดับความคมชัดจนกระทั่งคุณได้ปรับโทนในภาพรวมแล้ว เพราะว่าความเปรียบต่างในภาพทั้งหมดจะมีผลกระทบหลักในความคมชัด คุณทำภาพให้คมชัดขึ้นไปสักนิดหรือไม่ในกระบวนการปรับแต่งภาพ
8. การปรับแต่งภาพ ภาพหลายๆภาพจะประกอบไปด้วยหลายส่วนที่คุณต้องจะเอามันออกไปด้วยกัน ในบางกรณีมันคือการประดิษฐ์ เพราะผลของภาพที่ปรับแต่งไม่พึ่งพอใจ หรือจากคุณสมบัติของกล้องที่รวมถึง น้อยส์, ภาพขอบม่วง, มุมมืด และฝุ่นจากตัวเซนเซอร์ บางทีบางสิ่งที่น่าเกลียดอยู่ในภาพ เช่นเสาโทรศัพท์โผล่ขึ้นมาบนศีรษะของแม่ยายคุณ การปรับแต่งภาพโดยใช้ ตัวเครื่องมือ Lightroom’s Spot Removal หรือตัว Photoshop’s Clone Stamp และ Healing Brush การปรับแต่งวิธีอื่นสามารถลดหรือกำจัดสิ่งที่ต้องการปรับแต่งได้ ดังนั้นมันจะทำให้เสียเวลาและแรงงานในการปรับแต่งภาพก่อนหน้านี้ในกระบวนการทำงาน ตัวอย่าง คุณสามารถใช้เวลา 20 นาทีในการเอาฝุ่นออกรอบๆ ขอบของภาพและตัดสินใจที่ตัดขอบภาพออก คุณทำการปรับแต่งภาพแบบนี้จนจบกระบวนการทำงานไหม
9. ใส่ special effects การปรับแต่งภาพในขั้นตอนก่อนหน้านี้จะเป็นการนำไปใช้กับภาพส่วนใหญ่ หลังจากที่คุณแก้ไขปัญหาทางด้านเทคนิคและปรับภาพให้อยู่ในคุณภาพมาตรฐานที่ยอมรับได้แล้ว ลองพิจารณาการปรับแต่งที่พิเศษและการใส่สิ่งที่พิเศษลงไป
ขั้นที่ 5 ผลลัพท์ที่ได้ออกมา
หลังจากที่ได้ทำการปรับแต่งภาพในระดับที่สมบูรณ์แบบที่คุณพอใจแล้ว ลองคิดถึงการแบ่งปันและการนำไปผลิตใหม่อีกครั้ง ในโลกของดิจิตอล ผลลัพท์ที่ได้ออกมาโดยทั่วไปหมายถึง หนทางมากมายที่คุณสามารถนำภาพของคุณไปสู่โลกแห่งความเป็นจริง การทำแบบนี้ หลังจากที่คุณเสร็จสิ้นการปรับแต่งภาพการส่งออกของไฟล์ภาพที่ไม่ใช่ต้นฉบับไปสู่เป้าหมายที่ตั้งใจไว้
การแบ่งปันในโลกออนไลน์เป็นการเริ่มต้นที่ดีเยี่ยม เว็ปไซต์ส่วนใหญ่จะมีค่าพารามิเตอร์ที่สำคัญที่คุณต้องรู้ว่าภาพของคุณจะดูดีที่สุดในแบบใด (และค่าคุณสมบัติของเว็ปไซต์ทั้งหลายก็ไม่เหมือนกัน) ใช้เวลาในการค้นหาว่าการ อัพโหลดไฟล์ไปไว้บนเว็ปแบบไหนดีที่สุด
การพิมพ์ภาพที่มีคุณภาพสูง หนังสือรูปภาพ การ์ด ปฎิทิน ภาพพิมพ์ fine art และอื่นๆ ทั้งหมดนี้ก็ต้องทำตามค่าพารามิเตอร์ที่เฉพาะเจาะจงสำหรับการนำภาพออกไปใช้จากการปรับแต่งภาพด้วยซอฟท์แวร์
คำแนะนำ....เกี่ยวกับปรับขนาดของภาพ
เมื่อคุณกำลังปรับแต่งภาพ คุณควรจะปรับแต่งภาพต้นฉบับกับค่าความละเอียดเดิมๆ พูดในแง่หนึ่งคือ ค่าพิกเซ็ลอะไรก็ตามของภาพที่ออกมาจากกล้องโดยตรงก็ให้ปรับแต่งขนาดจากค่านั้น การปรับขนาดควรจะทำทุกๆครั้งที่จบกระบวนการและเป็นเพียงการ copy ไฟล์ต้นฉบับในการนำออกไปใช้กับรูปแบบผลลัพท์ที่เฉพาะเจาะจงที่อยู่ปลายทาง อย่าปรับขนาดกับไฟล์ต้นฉบับ ( Lightroom จะทำได้ง่ายในขั้นตอนนี้ ซึ่งมันจะไม่ควบคุมการปรับขนาดระหว่างปรับแต่งภาพ คุณสามารถทำมันได้เพียงระหว่างการนำภาพออกไปใช้)

การเอาชนะกระบวนปรับแต่งภาพของคุณ

เมื่อคุณไม่ได้ทำตามระบบที่ดี ภาพดิจิตอลของคุณสามารถกลายเป็นสิ่งที่ทำให้คุณปวดเศียรเวียนเกล้าได้ ภาพสูญหาย การทำขั้นตอนซ้ำๆ และไม่ได้คุณภาพของสิ่งที่คุณคาดหวังกับผลกระทบที่ได้จากกระบวนการทำงานที่ไม่มีประสิทธิภาพ ใครต้องการสิ่งเหล่านี้ละ?
จำไว้ว่า ทุกๆคนที่มีกระบวนการทำงานภาพถ่ายของตัวเองย่อมต้องมีจุดเริ่มต้นสักที่ คุณอาจจะมีแล้วในบางส่วนของการปรับแต่งภาพ เวลานี้ ลองดูว่าอะไรเป็นคอขวดและกุญแจสำคัญในการพัฒนากระบวนการทำงานปรับแต่งภาพของคุณ ลองเลือกมาหนึ่งอันที่ไม่คุ้นเคยหรือท้าทายและเริ่มจากจุดนั้น
การประดิษฐ์กระบวนการทำงานของคุณไม่ได้เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวหรือไม่ได้ราบรื่นตรงไปตรงมา มันมีหลายขั้นตอนและมีหลุมพรางที่อาจเกิดขึ้นได้ คุณต้องศึกษและฝึกฝนในแต่ละขั้นตอนที่แตกต่างที่ไม่ขึ้นตรงต่อกัน แล้วนำมันมาผูกรวมกันให้เป็นกระบวนการทำงานที่อยู่ด้วยกัน

คำแนะนำ

เหตุผลหลักที่ Adobe Photoshop Lightroom ถึงได้ถูกพิจารณาว่าเป็นซอฟท์แวร์การปรับแต่งภาพที่ดีที่สุดอย่างกว้างขวาง คือ มันให้ความสามารถที่คุณต้องการรับมือกับกระบวนการทำงานกับภาพของคุณตามที่ผมได้อธิบายไว้ข้างต้น
เมื่อคุณตามกระบวนที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการทำงานกับภาพและการพัฒนาความเข้าใจในหลักการอย่างท่องแท้ที่อยู่ภายใต้การตัดสินใจของคุณ คุณจะมีการทำงานที่สนุกมากกับสิ่งที่คุณชื่นชอบ มากกว่าไปติดอยู่กับงานที่น่าเบื่อ
ฝึกฝนกับกระบวนการเทคนิคการทำงานที่ดีจะช่วยคุณให้ได้ภาพที่ดีเยี่ยม....อย่างง่ายๆ