Author Topic: เข้าใจความแตกต่างระหว่าง Photoshop และ Lightroom  (Read 10939 times)

Offline topstep07

  • PS:C
  • Full Member
  • *
  • Posts: 108
    • View Profile
เข้าใจความแตกต่างระหว่าง Photoshop และ Lightroom

โพสโดย Simon Ringsmuth แปลโดย Topstep07

เว็ปไซต์ต้นฉบับ เพื่อดูภาพประกอบคำบรรยาย
http://digital-photography-school.com/understanding-difference-photoshop-lightroom/

หนึ่งในคำถามที่ส่วนใหญ่ผมได้ยินจากผู้คนที่เริ่มถ่ายภาพคือ “โปรแกรมอะไรที่ผมควรใช้ในการปรับแต่งภาพ?” มีทางเลือกที่ไม่ต้องเสียตังค์มากมายเช่น iPhoto, Picasa, GIMP และโปรแกรมที่ต้องเสียตังค์ เช่น AfterShot และ Pixelmator แต่โปรแกรมที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ Photoshop และ Lightroom
ยังมีคำถามตามมาอีกซึ่งดูเหมือนเป็นเหตุผลกัน “อะไรคือความแตกต่างระหว่างโปรแกรม Photoshop และ Lightroom?” ขณะที่ทั้งสองโปรแกรมก็ทำหน้าที่คล้ายกันหลายอย่าง และทั้งสองก็ถูกใช้โดยกลุ่มคนที่ถ่ายภาพ พวกเขาแต่ละคนก็ในใช้ในแต่ละวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกันและมีแนวทางที่แตกต่างในการใช้งาน การเข้าใจว่าอะไรที่พวกมันเหมือนกันดีเท่ากับอะไรที่แตกต่าง สามารถช่วยคุณให้เลือกซอฟท์แวร์ที่เหมาะสมสำหรับความต้องการของคุณได้
(ดูภาพประกอบคำบรรยาย....”ถ้าคุณไม่แน่ใจว่าอะไรคือความแตกต่างระหว่าง Photoshop และ Lightroom คุณไม่ใช่คนเดียวที่ไม่แน่ใจอย่างแน่นอน”

ความเหมือนกัน

ตัวแกนหลักของทั้งสองโปรแกรมทำในสิ่งที่สำคัญเหมือนกันคือ การแก้ไขภาพ พวกมันทำหน้าที่ในงานต่างๆ อย่างไรดีเท่ากับคุณใช้แต่ละโปรแกรมอย่างไรด้วยมันมีความแตกต่าง แต่ถ้าคุณมองหาซอฟท์แวร์ง่ายๆที่ยอมให้คุณเปลี่ยนแปลง ดึง บิดและเพิ่มในภาพถ่ายของคุณ แต่ละโปรแกรมจะมีความเพียงพอในการทำสิ่งเหล่านั้น ทั้งสองโปรแกรมมีความสามารถในการจัดการไฟล์หลายประเภท เช่น JPEG, PNG, TIFF และไฟล์ที่เป็นที่นิยมมายาวนานของช่างภาพหลายๆ คน นั้นก็คือไฟล์ RAW ในความเป็นจริงทั้งสองโปรแกรมใช้ตัว Adobe Camera Raw (ACR) ในการปรับแต่งภาพไฟล์ RAW เป็นตัวหลัก ดังนั้นคุณสามารถทราบถึงความเหมือนกันในการควบคุมและปรับแต่งต่างๆในสองโปรแกรมเมื่อต้องการทำบางอย่างในการปรับแต่ง การทำงานกับ curve และการแก้ไขสำหรับเลนส์ที่บิดเบี้ยว
ทั้ง Photoshop และ Lightroom เป็นส่วนสริมที่มีพลังสำหรับช่างภาพดิจิตอล แต่การเข้าใจว่าแต่ละโปรแกรมมีความพิเศษเฉพาะตัวอย่างไรสามารถช่วยให้คุณเลือกโปรแกรมที่เหมาะสมตามที่คุณต้องการได้
ทั้งสองโปรแกรมมีชุดการแก้ไขและเครื่องมือการปรับที่เหมาะสมที่ทำให้คุณทำได้ทุกสิ่งจากการปรับแต่งขั้นพื้นฐานเหมือนกับการตัดขอบภาพและการปรับค่ารับแสง ทางเลือกขั้นสูงเช่นการทำงานกับ brush, Tone curve และฟิลเตอร์ คุณจะพบกับตัวเสริมมากมายที่ให้มาแล้วในทั้งสองโปรแกรมซึ่งทำให้คุณดัดแปลงการแก้ไขเช่นการทำภาพ ขาวดำ, sepia และรูปแบบแนวศิลปะอื่นๆ ทั้งสองโปรแกรมเป็นโปรแกรมปรับแต่งภาพที่ทรงพลัง ผมรู้จักช่างภาพบางคนที่ใช้ Lightroom เพียงอย่างเดียวและไม่เคยแตะ Photoshop เลย และยังมีอีกหลายคนที่ใช้เวลาทั้งวันกับ Photoshop และไม่เคยเปิด Lightroom เลย อย่างไรก็ตามเพื่อที่จะเข้าใจว่าอันไหนดีกว่าสำหรับคุณ มันจะช่วยให้คุณเห็นว่าพวกมันมีความแตกต่างจากกันอย่างไร

ความแตกต่าง  #1: การจัดการไฟล์

สิ่งที่สำคัญมากที่สุดในตัว Lightroom ที่แตกต่างจาก Photoshop คือมันไม่ใช่ตัวปรับแต่งภาพที่แท้จริง แต่มันจะเคลื่อนย้ายไฟล์ภาพของคุณไปในที่จัดเก็บในที่ต่างๆ บนเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณ  มันจะจัดเก็บสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไว้ในส่วนที่เป็นไฟล์แยกจากกันที่เรียกว่า Catalog ซึ่งมันจะจัดเรียงเหมือนหนังสือตำราที่มีคำสั่งสำหรับแต่ละภาพที่ได้รับการปรับแต่งไปแล้ว เมื่อคุณมีการใช้การปรับแต่งบางชนิด เช่นการใช้ radial filter หรือปรับตัว brush ตัว Lightroom จะเก็บค่า log ของการเปลี่ยนแปลงลงใน database ขณะที่ออกจากตัวภาพต้นฉบับที่ไม่มีการปรับแต่ง มันเป็นเทคนิคที่ถูกเรียกว่า การปรับแต่งที่ไม่ทำลายต้นฉบับ ซึ่งมันตรงข้ามกับวิธีการใน Photoshop อย่างสิ้นเชิง
ยกตัวอย่างเช่น หลายเดือนที่ผ่านมา ผมได้ส่งภาพคุณพ่อผม (ดูภาพในเว็ปไซต์ต้นฉบับ) ที่ผมได้ถ่ายไปซึ่งผมได้ทำการปรับแต่งในโปรแกรม Lightroom ขณะที่ไฟล์ต้นฉบับของผมไม่เปลี่ยนแปลง ผมสามารถกลับไปและแก้ไขภาพนี้ได้อีกตามที่ผมต้องการ การปรับแต่งในโปรแกรม Lightroom คือกลุ่มของคำสั่งสำหรับการปรับเปลี่ยนไฟล์ คล้ายกับตำราซึ่งมีชุดคำสั่งในการทำอาหารเหมือนพวกเค้กหรือหม้อปรุงอาหาร หลังจากที่คุณทำการแก้ไขเปลี่ยนแปลงเสร็จสิ้นแล้วในโปรแกรม Lightroom ภาพจะถูกส่งออกซึ่งมันสามารถนำไปพิมพ์ แชร์ หรือไปโพสออนไลน์ เพราะว่าภาพต้นฉบับที่ไม่มีความเสียหายใดๆยังคงอยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณ และไม่มีการแตะต้อง คุณสามารถย้อนกลับไปที่โปรแกรม Lightroom ในจุดที่อยู่ในอนาคตและทำการปรับแต่งอีกครั้งตามที่คุณต้องการ
ประโยชน์อีกอย่างหนึ่งที่เห็นได้คือตัว catalog มันจะเล็กมากมันมีขนาดเพียงแค่ไม่กี่ร้อยเมกกะไบต์บนตัว hard disk ของคุณ แม้ว่าคุณจะมีรูปภาพหลายพันภาพในโปรแกรม Lightroom ก็ตาม
(ดูภาพประกอบคำบรรยายในเว็ปไซต์ต้นฉบับ....แผนผังขั้นต้นการทำงานของโปรแกรม Lightroom คำสั่งในการปรับแก้ไขถูกจัดเก็บในไฟล์ catalog และไม่มีการเปลี่ยนสิ่งใดๆในภาพต้นฉบับของคุณ)
โปรแกรม Photoshop จะทำงานที่แตกต่างกัน เมื่อคุณมีการปรับแต่งไฟล์ภาพ เช่น JPG, PNG, หรือ ไฟล์ RAWในโปรแกรม Photoshop คุณจะทำงานบนตัวไฟล์ต้นฉบับ ถ้าปราศจากคุณทำการ save เป็นตัว copy ใน Photoshop PSD ไฟล์ ซึ่งมีขนาดไฟล์หลายพันเมกะไบต์ ไฟล์ PSD จะเก็บสิ่งที่มีการเปลี่ยนแปลงที่ถูกทำในภาพ และเมื่อต้องการนำภาพนี้ไปแชร์มันจะต้องถูก save ให้เป็นรูปแบบสุดท้ายก่อนคือ JPG, PNG, หรืออื่นๆ ถ้าคุณต้องไม่ให้มีการทำลายภาพต้นฉบับในโปรแกรม Photoshop คุณจะต้องมีสามไฟล์ที่แยกจากกัน หนึ่ง ภาพต้นฉบับที่เป็นไฟล์ RAW  สอง ตัวไฟล์ PSD และสุดท้ายคือ copy ที่เป็นรูปแบบแชร์จาก PSD การทำงานจะเหมือนกับภาพนี้ (ดูภาพประกอบคำบรรยายในเว็ปไซต์ต้นฉบับ....แผนผังขั้นต้นของการทำงานโปรแกรม Photoshop ถ้าคุณต้องการแก้ไขภาพในครั้งต่อไปมันต้อง save ไฟล์แยกเป็นอีกหนึ่ง PSD ไฟล์
(ดูภาพประกอบสคำบรรยายในเว็ปไซต์ต้นฉบับ....เพียงไฟล์ catalog หนึ่งไฟล์ใน Lightroom จะเก็บค่าคำสั่งการเปลี่ยนแปลงสำหรับภาพหลายพันภาพ........ไฟล์ PSD เพียงภาพเดียวจะเก็บค่าคำสั่งการเปลี่ยนแปลงสำหรับเพียงภาพเดียวเท่านั้น)
การทำงานของทั้งสองโปรแกรมดูเหมือนจะคล้ายกันกับสิ่งที่เห้น แต่มีสิ่งที่แตกต่างตัวหลักสิ่งหนึ่ง ในโปรแกรม Lightroom การเปลี่ยนแปลงแก้ไขทั้งหมดของคุณสำหรับทุกๆภาพถ่ายจะถูกเก็บไว้ในไฟล์ catalog ไฟล์เดียว และมีขนาดเล็ก ในโปรแกรม Photoshop การเปลี่ยนแปลงแก้ไขทั้งหมดจะถูกเก็บไว้ในแต่ละภาพเท่านั้น  สิ่งนี้หมายถึงว่ามันใช้พื้นที่มากใน hard disk ของคุณที่จะจัดเก็บการทำงานหลายๆ ภาพในโปรแกรม Photoshop และจบด้วยการที่คุณมีไฟล์ภาพหลาย version อีกด้วย  ดังนั้นทำไมคุณถึงเลือกใช้โปรแกรม Photoshop แทนที่จะใช้ Lightroom?”

ความแตกต่าง #2: เครื่องมือการแก้ไขปรับแต่ง

โปรแกรม Lightroom เปรียบเหมือนรถสารพัดประโยชน์ที่คุณอาจเห็นอยู่ในฟาร์ม มันเร็ว ว่องไว และสามารถใช้ได้หลากหลายหน้าที่เหมือนตัวลากวัตถุเล็กๆ และยกรถพ่วง แต่มันไม่สามารถเทียบได้กับรถบรรทุกใหญ่ในฟาร์มที่ต้องทำงานใหญ่ๆ และงานหนักเช่นการขนถ่ายพวกกองฟางหญ้าแห้งใหญ่ๆ การลากรถบรรทุกม้า หรือการพรวนดินผ่านโคลนและหิมะ
เกือบหลายสิบปีที่ผ่านมา บริษัท Adobe ได้ตระหนักว่าไม่ใช่ทุกๆคนต้องการความสามารถของโปรแกรม Photoshop โดยเฉพาะช่างภาพผู้ซึ่งกลับมาจากงานถ่ายภาพต่างๆ กับภาพหลายพันภาพที่ต้องแก้ไขอย่างรวดเร็ว นี้คือยุคใหม่ของช่างภาพดิจิตอลที่มีความต้องการในเครื่องมือปรับแต่งภาพของโปรแกรม Photoshop ที่จำเป็นที่สุด ในการใช้งานง่ายในชุดเดียว ซึ่งก็ได้ผลลัพท์มาอยู่ในโปรแกรม Lightroom
(ดูภาพประกอบคำบรรยายในเว็ปไซต์ต้นฉบับ.....โปรแกรม Photoshop ใช้ layer ซึ่งสามารถทำให้ผู้เริ่มต้นรู้สึกกลัว แต่มันได้ถูกนำเสนอความสามารถหลายชนิดอย่างไม่น่าเชื่อกับโปรแกรม Lightroom อย่างง่ายๆ ซึ่งไม่สามารถเทียบกันได้)
โปรแกรม Photoshop จัดเก็บชั้นของตัวฟิลเตอร์ ตัว brush และเครื่องมืออื่นๆอย่างไม่ฉลาดนัก ซึ่งยอมให้คุณทำการสร้าง layer ที่แตกต่างในการแก้ไขของคุณ ตัวอย่างเช่น ภาพที่อยู่ทางด้านขวาจะแสดงให้เห็น layers มากมายที่ผมใช้ในการปรับแต่งภาพของรูปปั้น และแต่ละ layer สามารถแก้ไขที่แยกออกจากกัน มันดูเหมือนว่ามีมากมาย แต่มันไม่ธรรมดาสำหรับศิลปินดิจิตอลที่ต้องใช้ layer จำนวนมากเมื่อทำการแก้ไขภาพหนึ่งภาพ โปรแกรม Lightroom  ซึ่งแตกต่าง จะทำงานในรูปแบบตรงไปตรงมาไม่มี layer กับเครื่องมือปรับแต่งบางตัวและมีความซับซ้อนน้อยกว่า ทั้งสองโปรแกรมเก็บบันทึกประวัติการทำงานและยอมให้คุณย้อนกลับไปในสิ่งที่คุณได้แก้ไขมา แต่การทำงานกับ layer จะให้การควบคุมทั้งหมดที่แน่นอนกับสิ่งที่คุณได้แก้ไขภาพไปแล้ว
ในบางกรณี ลองดูว่าคุณต้องการเพิ่ม vignette ในภาพถ่ายบุคคล...ในโปรแกรม Lightroom มันง่ายโดยไม่แตะต้องในส่วนที่ควรจะต้องแก้ไข และตัว vignette จะเกลี่ยจากจุดศูนย์กลางออกไป มันเป็นแนวทางแก้ไขปัญหาที่รวดเร็วไม่ต้องกังวลซึ่งมันมีประโยชน์สำหรับการเรียงลำดับภาพ และถ้าคุณต้องการควบคุมคุณสามารถคลิ๊กไปที่ Radial Filter เพื่อตัวเลือกที่มากขึ้น

(ดูภาพประกอบคำบรรยายในเว็ปไซต์ต้นฉบับ.....”ภาพหลังการแก้ไข”)
(ดูภาพประกอบคำบรรยายในเว็ปไซต์ต้นฉบับ.....”ภาพก่อนการแก้ไข”)

การทำสิ่งเดียวกันในโปรแกรม Photoshop จะต้องมีการเพิ่ม layer พิเศษที่รูปของคุณซึ่งเรียกว่า Adjustment layer เช่น Level ซึ่งคุณสามารถปรับแต่ง level ความมืดของภาพในส่วนของ Highlight และในภาพรวม และทำการ mask ที่ layer ในส่วนมืดที่อยู่นอกกรอบ คุณสามารถปรับเปลี่ยนตัว opacity ของ layer (ผลกระทบของความสว่าง) หรือ Blend mode หรือคุณสามารถใช้ Dodge and Burn layer และนั้นเป็นเพียงแค่เริ่มต้น  ขณะที่การเพิ่มขั้นตอนที่ซับซ้อนมากอาจจะดูเหมือนหมดหวัง ยิ่งคุณเรียนรู้มากเท่าไรในการใช้เครื่อง Photoshop ยิ่งทำให้การควบคุมดีขึ้นในการที่ควบคุมการแก้ไขปรับแต่งในภาพรวมทั้งหมด
(ดูภาพประกอบคำบรรยายในเว็ปไซต์ต้นฉบับ..... ในโปรแกรม Lightroom การเพิ่ม vignette มันง่ายเพียงแค่คลิ๊กที่ปุ่ม ในโปรแกรม Photoshop มันจะซับซ้อนกว่านี้แต่คุณจะควบคุมได้มากกว่าอีกด้วย)
กับทางเลือกและลูกเล่นทั้งหมด (รวมถึงการสนับสนุนสำหรับ text, กราฟฟิกสามมิติ และงานวีดีโอ)  โปรแกรม Photoshop จะเป็นตัวโปรแกรมในการแก้ไขภาพได้ทุกสถานการณ์ โปรแกรม Lightroom จะเป็นตัวกลั่นกรองเครื่องมือของโปรแกรม Photoshop ที่ถูกใช้เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งมีเหตุผลเดียวมันคือมันได้รับการร้องขอจากหลายๆ คน

ความแตกต่าง #3: กระบวนการทำงาน

โครงหลักและตัวเลือกไฟล์ ไพ่ที่เหนือกว่าของโปรแกรม Lightroom ขึ้นมันเป็นพี่ใหญ่ในกระบวนการทำงานตั้งแต่ต้นจนจบสำหรับช่างภาพ ตั้งแต่มันถูกออกแบบเฉพาะเจาะจงเพื่อระดับมืออาชีพและผู้สนใจการถ่ายภาพ มันจะดูแลทุกสิ่งจากการนำภาพในการ์ดความจำเข้าไป จัดระเบียบ การแก้ไข การแชร์ และสุดท้ายคือการพิมพ์ภาพ Lightroom ยังสนับสนุนพวก คำหลักและโฟลเดอร์เสมือนที่ช่วยคุณเก็บภาพถ่ายของคุณและคุณยังสามารถใช้มันในการสร้าง slideshow หรือทำหนังสือรูปภาพได้ด้วย ช่างภาพหลายๆ คน โดยเฉพาะระดับมืออาชีพ จะอยู่กับมันเป็นอาทิตย์ หรือเดือนโดยปราศจากการเปิดโปรแกรม Photoshop เพราะว่าโปรแกรม Lightroom จะดูแลทุกๆสิ่งที่พวกเขาต้องการ
(ดูภาพตัวอย่างประกอบคำบรรยายในเว็ปไซต์ต้นฉบับ....ตัว Lightroom Library จะทำให้คุณจัดเรียง จัดผังและบริหารรูปภาพทั้งหมดของคุณได้)
ในอีกด้านหนึ่งคือ โปรแกรม Photoshop ซึ่งไม่มีการโอนไฟล์ จะไม่ทำการจัดการภาพ และแน่นอนไม่สามารถทำ slideshow หรือ หนังสือภาพถ่ายได้ แต่อีกครั้งหนึ่ง มันคงต้องแลกกับสิ่งที่คุณจะต้องยอมรับมัน ไม่มีสิ่งไหนที่สามารถทำได้ใกล้เคียงกับโปรแกรม Photoshop ในแง่ของการแก้ไขภาพที่ทรงพลัง อย่างไรก็ตามคุณสามารถใช้ตัว Adobe Bridge ในการรับมือกับกระบวนการทำงานเหมือนกับการนำไฟล์ภาพเข้ามาและจัดระเบียบในรูปแบบสื่อดิจิตอลในเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณ ซึ่งเมื่อมันคู่กับตัว Photoshop มันจะครอบคลุมกระบวนการทำงานมากกว่าตัวโปรแกรม Lightroom มันไม่ได้มีลักษณะกระทัดรัดเพรียวลมเหมือนการทำงานในโปรแกรม Lightroom แต่มันก็ได้นำเสนอวิธีการทำงานที่ออโต้ขณะที่มันไม่ยอมรับการทำงานในรูปแบบไฟล์ของ PSDs, JPEGs และรูปแบบไฟล์ภาพอื่นๆ ด้วยมือ
บางครั้ง สิ่งที่เป็นการแก้ปัญหาที่ดีที่สุดคือใช้ทั้งสองโปรแกรม ผมใช้ Lightroom ในการนำไฟล์ภาพเหล่านี้จากกล้องของผมเข้ามาในโปรแกรมแล้วก็ทำการแก้ไขในเบื้องต้นและใช้โปรแกรม Photoshop เพื่อเพิ่มบางสิ่งที่น่าสนใจเข้าไป

แล้วโปรแกรมไหนที่เหมาะกับคุณละ?

เวลานี้คุณจะตระหนักว่ามันเป็นเพียงคำถามที่คุณสามารถตอบได้ และมันยังมีความหมายถึงการใช้เงิน150 เหรียญสหรัฐกับโปรแกรม Lightroom หรือหลายครั้งกับจำนวนค่าใช้จ่ายในโปรแกรม Photoshop  อยากจะขอบคุณ Adobe ที่ทำให้การตัดสินใจง่ายมากขึ้นกับการที่ได้ปล่อยตัว Creative Cloud และคุณสามารถได้โปรแกรมทั้งสองตัวในราคา 10 เหรียญสหรัฐ ต่อเดือน ถ้าคุณไม่ชอบวิธีการสมัครใช้งานตัวซอฟท์แวร์ คุณยังคงสามารถซื้อตัวโปรแกรม Lightroom แยกต่างหากได้ และ Adobe เองก็ยังคงขายในแบบ standalone version อีกด้วยและสำหรับ version ต่างๆ ในอนาคตด้วย บทความนี้มันจะยาวมากๆ และดูเหมือนผมได้ขูดแค่ผิวด้านหน้า แต่ผมหวังว่าคุณจะเข้าใจได้ดีกว่าว่าอะไรที่โปรแกรมพวกนี้มีความเหมือนกันและต่างกัน  แล้วคุณละ? อะไรคือความแตกต่างที่คุณคิดระหว่างสองโปรแกรมนี้ และ อะไรคือวัตถุประสงค์ในแต่ละสิ่งที่สนองความต้องการของคุณ? ทิ้งข้อความของคุณไว้ในช่องแสดงความคิดเห็นด้านล่างนะครับ

Offline Asakura

  • Newbie
  • *
  • Posts: 2
    • View Profile
มีความรู้ดีมากเลยครับ