Author Topic: ไฟล์ RAW กับ JPG ทำไมคุณจำเป็นต้องถ่ายภาพด้วยรูปแบบไฟล์ RAW  (Read 6692 times)

Offline topstep07

  • PS:C
  • Full Member
  • *
  • Posts: 108
    • View Profile
ไฟล์ RAW กับ JPG ทำไมคุณจำเป็นต้องถ่ายภาพด้วยรูปแบบไฟล์ RAW

โพสโดย Simon Ringmuth แปลโดย Topstep07

เว็ปไซต์ต้นฉบับ เพื่อดูภาพประกอบคำบรรยาย
http://digital-photography-school.com/raw-versus-jpg-why-you-might-want-to-shoot-in-raw-format/

ถ้าคุณเคยแบ่งปันภาพถ่ายทางอีเมล์ หรือโพสบนออนไลน์ คุณอาจจะสังเกตเห็น สามหรือสี่ตัวอักษรที่อยู่ด้านหลังของไฟล์ภาพที่มีรูปแบบ .jpg หรือ .jpeg  กล้องถ่ายภาพเกือบทุกๆอัน ตั้งแต่กล้องจากมือถือจนถึงเล็งแล้วถ่าย และกล้อง DSLR ราคาแพง ก็สามารถถ่ายภาพในรูปแบบดังกล่าว  สำหรับเหตุผลดีๆ คือ คุณจะได้ภาพเป็นพันๆภาพบนการ์ดความจำ และพวกมันก็มีคุณภาพที่ดี และง่ายในการดูภาพบนคอมพิวเตอร์หรือบนอุปกรณ์มือถือต่างๆ คุณไม่ต้องการซอฟท์แวร์พิเศษอะไรในการเปิดไฟล์ภาพ JPG และถ้าคุณต้องการแก้ไขพวกมัน มีโปรแกรมจาก iPhoto จนถึง Photoshop ที่สามารถทำได้ อย่างไรก็ดี กล้อง DSLR ทั้งหมด และกล้องเล็งแล้วถ่ายบางรุ่นมีความสามารถในการถ่ายภาพในอีกรูปแบบหนึ่งที่เรียกว่า RAW ซึ่งมีประโยชน์มากสำหรับคุณ  บางคนก็ใช้แต่รูปแบบ RAW อย่างเดียว บางคนก็ใช้ JPG และบางคนก็ใช้ทั้งสองแบบ ไม่มีคำตอบที่ถูกต้องว่าอันไหนดีกว่ากัน แต่มันสำคัญในการพบสิ่งที่มันเหมาะในการใช้งานของคุณ เพื่อแสดงให้เห็นว่าทำไมคุณต้องการไฟล์ RAW และนี้คือบางเหตุผลที่ผมใช้พวกมันแทนไฟล์ JPG

1. การปรับแต่งค่า White Balance

ความแตกต่างของแสงแต่ละชนิด (เช่น แสงอาทิตย์ แสงจากหลอดฟลูโอเรสเซนต์ หรือ แสงแฟลชของกล้อง) ย่อมมีผลกับสีที่แสดงในความเป็นจริง สมองของเราจะระวังในเรื่องความแตกต่างและปรับความรับรู้ของสีเหล่านั้น  แต่กล้องของเราไม่รู้ว่าอะไรคือสิ่งที่ถูกต้องในสถานการณ์ที่หลากหลาย การแก้ไขสำหรับสิ่งนี้ มันถูกเรียกว่า การปรับแต่งค่าความสมดุลสีขาว ซึ่งจะมีค่าที่เก็บไว้เช่น ค่าออโต้ ค่า Daylight ค่า Cloudy, ค่า Tungsten และ แฟลช ถ้าปราศจากการปรับค่า White Balance ที่เหมาะสม กล้องของคุณจะมีสีเหลืองหรือฟ้าอ่อนๆ ซึ่งไม่ง่ายในการจะแก้ไขมัน นี้คือสิ่งสำคัญในข้อจำกัดของไฟล์ JPG ซึ่งข้อมูลส่วนใหญ่มันเชื่อว่าไม่จำเป็นสำหรับภาพ และสามารถจะแก้ไขค่า White Balance ด้วยวิธีหลอกลวงได้ โชคดี..ในไฟล์ RAW ค่า White Balance มันง่ายในการปรับแต่งให้เหมาะกับภาพถ่ายเพราะว่าค่าข้อมูลสีทั้งหมดถูกจัดเก็บไว้
เมื่อคุณถ่ายภาพด้วยโหมด RAW กล้องใช้ค่าของ White Balance ที่ตั้งไว้ในเมื่อต้อนเริ่มต้น แต่คุณมีอิสระในการปรับค่าเหล่านั้นตามที่คุณต้องการในคอมพิวเตอร์ได้ โปรแกรมปรับแต่งภาพอย่างเช่น Lightroom, Photoshop และ Aperture ก็มีการควบคุมง่ายๆ ในการปรับแต่งค่า White Balance และแม้ว่ากล้องรุ่นใหม่ๆจะมีการทำให้ดีขึ้นเรื่อยๆ ในแต่ละยี่ห้อ ผมยังคงพบว่าตัวเองก็ต้องปรับแต่ง white balance บ่อยๆ  ตัวอย่างเช่น (ดูภาพในเว็ปไซต์ต้นฉบับ) กล้องของผมคำนวณค่า White Balance สำหรับภาพโคมไฟของเด็กที่มีค่าที่ผมคิดว่ามันมีสีเหลืองมากไป การถ่ายภาพด้วย RAW จะทำให้ผมยืดหยุ่นในการแก้ไขภาพนี้และใช้เพียงการปรับแต่งเล็กน้อย ผมสามารถได้ภาพที่พอใจมากกว่าภาพที่กล้องมันถ่ายออกมาจากต้นฉบับ
(ดูภาพตัวอย่างในเว็ปไซต์ต้นฉบับ....กล้องของผมเลือกใช้ค่า white balance บนไฟล์ RAW แต่ผมไม่ชอบมัน)
(ดูภาพตัวอย่างในเว็ปไซต์ต้นฉบับ....การใช้ซอฟท์แวร์ในการแก้ไขปรับแต่ง ผมสามารถเปลี่ยนค่า white balance เป็นสีโทนเย็น ที่ดูแล้วสบายตาผม)

2. การแก้ไขค่า exposure

การถ่ายภาพด้วยไฟล์ RAW ไม่เพียงแต่ให้คุณมีอิสระในการปรับแต่งสีที่คุณเห็น แต่ยังปรับแต่งสีที่คุณไม่เห็นด้วย เมื่อ ภาพถ่ายแบบ JPG มันสว่างเกิน หรือมืดเกินไป (ตัวอย่างเช่น overexposed หรือ underexposed) เราไม่สามารถทำอะไรได้มาก เพราะว่าข้อมูลที่ถูกเก็บไว้ในภาพผ่านตัวเซนเซอร์ ไม่มีข้อมูลเหล่านั้นอยู่ กล้องถ่ายภาพมีหลายวิธีการในการช่วยเราให้ได้ค่า exposure ที่ถูกต้องเมื่อเราถ่ายภาพ แต่บางครั้งสิ่งเหล่านั้นก็ไม่ได้ผล และคุณก็พบว่าความทรงจำที่มีค่าได้ถูกเก็บไว้ในแบบที่มืดไปหรือไม่ก็สว่างเกินจนไม่เห็นรายละเอียด เมื่อไฟล์ RAW เก็บข้อมูลทั้งหมดเมื่อภาพได้ถูกบันทึกไว้ คุณจะมีสิ่งเพิ่มเติมในการปรับแต่งภาพได้มากกว่าหลังจากที่ได้ภาพมาแล้ว
(ดูภาพตัวอย่างในเว็ปไซต์ต้นฉบับ....ภาพต้นฉบับมันดูมืดมากเกินไป)
(ดูภาพตัวอย่างในเว็ปไซต์ต้นฉบับ....ไฟล์ RAW จะยอมให้ผมเร่งค่า exposure เพื่อให้ได้ภาพที่ดีกว่าเดิม)
เมื่อผมถ่ายภาพของดอกไม้บางชนิดบนต้นไม้ ผมสังเกตหลังจากกลับมาถึงบ้านแล้วพบว่ามันมืดเกินไป และถ้าภาพนี้เป็นไฟล์ JPG ผมคงยังติดอยู่กับผลลัพท์นี้ แต่เพราะว่าผมถ่ายมาด้วยไฟล์ RAW ผมสามารถทำให้ส่วนที่มืดสว่างขึ้นมาได้และทำให้ได้ภาพที่ดีกว่า ในไฟล์ JPG ส่วนข้อมูลในพื้นที่ที่มืดมันจะเป็นค่าที่ยังคงมืด ในแบบเดียวกันสามารถทำได้โดย overexposed ภาพ ถ้าภาพนั้นสว่างเกิน หรือรายละเอียดหายไป มันสามารถจะเก็บรายละเอียดเหล่านั้นไว้ถ้ามันถูกถ่ายด้วยไฟล์ RAW

3. การปรับแต่งค่าสีทั่วๆ ไป

เหตุผลที่สามที่ผมถ่ายภาพด้วยไฟล์ RAW คือบ่อยครั้งที่ผมชอบปรับแต่งสีที่เจาะจงในภาพ ไฟล์ JPG จะเก็บค่า 8 บิตต่อสีของสีแดง สีเขียวและสีฟ้า ซึ่งเป็นค่าหลักของสีของแสงที่ถูกสร้างทุกๆ พิกเซลในภาพถ่าย อย่าไปสนใจในเรื่องคณิตศาสตร์มากนัก สิ่งที่คุณต้องการรู้คือ ค่า 8 บิต ( 2 ยกกำลัง 8 หรือ 2 คูณ 2 แปดครั้ง 2x2x2x2x2x2x2x2) ซึ่งหมายถึงว่าไฟล์ JPG จะเก็บค่าข้อมูลสำหรับค่าสีหลักแต่ละค่าเท่ากับ 256  แต่ถ้าเป็นไฟล์ RAW มันจะเก็บ 4096 หรือ 16384ของข้อมูลสีในแต่ละสี ขึ้นอยู่กับว่ากล้องของคุณรองรับแบบ 12 หรือ 14 บิต ค่าเหล่านี้ไม่ได้มีความหมายอะไรมากนัก แต่มันง่ายที่จะทำให้เห็นว่าค่าตัวเลขเหล่านี้ใหญ่กว่า 256 หมายถึงว่าไฟล์ RAW ให้ข้อมูลที่มากกว่า ซึ่งทำให้เราคล่องตัวเมื่อทำการปรับแต่งสีต่างๆบนภาพของเรา
(ดูภาพตัวอย่างในเว็ปไซต์ต้นฉบับ) ภาพนี้เป็นภาพของครอบครัวเพื่อนผม (ด้านล่าง)  แต่ผมไม่มีความสุขกับบางสิ่ง ตาของเธอดำเกินไป และสีก็ไม่มีชีวิตชีวาเหมือนกับที่ผมต้องการ ขอบคุณสำหรับไฟล์ RAW ที่ทำให้ผมมีอิสระในการปรับแต่งภาพเพื่อที่จะสร้างภาพไม่เพียงแต่ให้ความพึ่งพอใจในการมองเห็น แต่ยังสะท้อนถึงสิ่งที่ผมมองเห็นเมื่อตอนที่ผมถ่ายภาพนี้ด้วย นี้คือสิ่งที่ง่ายเหมือนกับใส่ตัวกรองบนภาพที่มีอยู่ ไฟล์ RAW ยังให้เราได้ปรับแต่งค่าข้อมูลสีต้นฉบับซึ่งจะยอมให้เราปรับแต่งได้มากกว่าภาพที่สมบูรณ์แล้ว
(ดูภาพตัวอย่างในเว็ปไซต์ต้นฉบับ....ภาพต้นฉบับนี้ดูไม่เลว แต่ไม่ดีพอที่มันควรจะเป็น)
(ดูภาพตัวอย่างในเว็ปไซต์ต้นฉบับ....การถ่ายภาพด้วยไฟล์ RAW หมายถึงผมมีค่าข้อมูลสีพอที่ผมสามารถปรับแต่งสีเพื่อสร้างภาพที่พึ่งพอใจในภาพสุดท้าย)
แน่นอนการถ่ายภาพด้วยไฟล์ RAW ก็มีด้านลบเช่นกัน ส่วนใหญ่มันคือขนาดของไฟล์ ไฟล์ RAW จะมีขนาดที่ใหญ่เป็นสิบเท่ากว่าไฟล์ JPG ที่จะกินพื้นที่บนการ์ดข้อมูล ซึ่งหมายถึงว่ามันสูญเสียพื้นที่ว่างๆไปเปล่าๆ ถ้าคุณไม่ได้ต้องการปรับแต่งภาพอะไรมากนัก โดยความสัตย์จริง...ถ้าคุณกำลังถ่ายภาพธรรมชาติหรือเด็กๆของคุณในสวนสาธารณะ ไฟล์ RAW จะดูมากเกินไป มันไม่ใช่ว่าไฟล์ JPG ไม่สามารถแก้ไขได้เมื่อพวกเขาต้องการ พวกเขาสามารถทำได้ ขณะที่บางคนที่ใช้ฟิลเตอร์ของ Instagram ยืนยันมาแล้ว พวกเขาสามารถเปลี่ยนแปลงใน Photoshop และโปรแกรมปรับแต่งภาพอื่นๆได้อีกด้วย และมันยังคงมีข้อมูลสีที่เพียงพอในไฟล์ JPG สำหรับการขยับปรับแต่งได้ แต่ไฟล์ RAW ให้คุณมีอิสระที่มากกว่าในการทำงาน แม้ว่าขนาดของไฟล์ที่ใหญ่กว่าก็ตาม ซึ่งแลกมาด้วยคุณค่าในความคิดของผม
คุณจะตัดสินใจด้วยตัวคุณเอง แต่ไม่ว่าอะไรที่คุณตัดสินใจ ลองใช้เหตุผลข้างต้นที่เปรียบเทียบระหว่างไฟล์ RAW กับ JPG ไม่ว่ารูปแบบมีวัตถุประสงค์ที่ดีกว่า สิ่งที่สำคัญคือ คุณจะพบกับวิธีการทำงานที่เหมาะกับการถ่ายภาพและเป้าหมายของคุณเอง ในช่วงสุดท้ายของวันขณะที่คุณถ่ายภาพที่คุณชอบนานเท่าที่จะนานได้ นั่นก็คือสิ่งที่มันควรจะเป็น
(ดูภาพตัวอย่างในเว็ปไซต์ต้นฉบับ....ผมชนะการประกวดภาพถ่ายด้วยภาพนี้ และผมถ่ายมันด้วยไฟล์ JPG)
คุณอาจจะถ่ายภาพด้วยไฟล์ JPG และถ้ามันเหมาะกับคุณ อย่าปล่อยให้ผมหรือคนอื่นบอกคุณถึงความแตกต่าง แต่ถ้าคุณต้องการทดลองกับเทคนิคการปรับแต่งที่ล้ำหน้า หรือเพียงแค่ชักชวนเพียงเล็กน้อยกับภาพถ่ายมากกว่าสิ่งที่คุณทำอยู่ ไฟล์ RAW อาจจะเป็นตั๋วที่นำคุณไปสู่โลกใหม่ของการถ่ายภาพที่น่าทึ่ง...