Author Topic: Photoshop กับ Lightroom อันไหนเหมาะสำหรับคุณ?  (Read 12390 times)

Offline topstep07

  • PS:C
  • Full Member
  • *
  • Posts: 108
    • View Profile
Photoshop กับ Lightroom อันไหนเหมาะสำหรับคุณ?

โพสโดย Tim Gilbreath แปลโดย Topstep07

เว็ปไซต์ต้นฉบับ เพื่อดูภาพประกอบคำบรรยาย
http://digital-photography-school.com/photoshop-versus-lightroom-which-is-right-for-you/

ขณะที่คุณเป็นช่างภาพ ไม่ว่าจะเป็นระดับอาชีพ หรือทำเป็นงานอดิเรก คุณมีความสามารถและความชำนาญในหลายด้าน และยังเล่นบทในหลายๆ บทบาท คุณต้องเป็นช่างศิลป์เมื่อการโพสภาพ เป็นช่างเทคนิคกับการตั้งค่ากล้องและในระดับอาชีพ คุณก็เป็นนักธุรกิจผู้ซึ่งดูแลธุรกิจและทำให้ลูกค้ามีความพึ่งพอใจ
บทบาทที่สำคัญสิ่งหนึ่งคือ คุณต้องเล่นเป็นผู้คลั่งไคล้ในการปรับแต่งภาพ การนำภาพจากกล้องโดยตรงที่เราได้ถ่ายไปก่อนที่จะปล่อยภาพออกไปเราต้องการเอาภาพที่ถ่ายมาผ่านกระบวนการปรับแต่ง ที่ซึ่งภาพดิบๆของคุณจะถูกจัดการให้ดีขึ้น ปรับแต่ง ปรับค่าสี และเพิ่มความคมชัดเพื่อให้ได้ภาพสุดท้ายที่เราต้องการจะนำไปใช้
แม้ว่าทุกวันนี้เรามีเครื่องมือมากมายที่จะช่วยในขั้นตอนการปรับแต่งภาพ อุตสหกรรมขนาดใหญ่ที่ไม่มีข้อสงสัยอย่าง Adobe Photoshop ได้ปล่อยตัว version แรกในปี 1990  ซอฟท์แวร์นี้ได้ถูกใช้โดยมือสมัครเล่นและมืออาชีพ หลายต่อหลายปีและได้ถูกพิจารณาเป็นเครื่องมือสำคัญของช่างภาพในเวลาต่อมา
ในช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ความนิยมของภาพถ่ายดิจิตอลทาง Adobe ก็ได้ตระหนักถึงความต้องการสำหรับเครื่องมือนี้ที่มีเป้าหมายสำหรับช่างภาพ และในปี ค.ศ. 2007 ก็ได้ปล่อยตัว Lightroom ซึ่งเป็นการจัดการส่วนกลางและเป็นซอฟท์แวร์บริหารจัดการซึ่งกลายเป็นสิ่งที่ได้รับความนิยมอย่างมากและเป็นอุตสหกรรมที่ใหญ่ในทุกวันนี้ 
(ดูภาพผังประกอบคำบรรยาย......และให้ click เพื่อดูผลสำรวจที่มากกว่านี้)
ดังนั้นคำถามคือ ในขณะที่คุณเป็นช่างภาพ ซอฟท์แวร์ตัวไหนละที่คุณต้องการ? ทั้งคู่มีความยอดเยี่ยมและมีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกัน ลองลงไปดูในรายละเอียดและทดลองดูรายละเอียดลึกๆ เพื่อที่จะค้นหาว่าอะไรเหมาะสำหรับคุณ
อะไรที่เราต้องสำหรับซอฟท์แวร์ปรับแต่งภาพ
แม้ว่าเราจะได้ผลลัพท์ที่สมบูรณ์จากในกล้องของเราและส่งต่อภาพที่ได้เหล่านั้นไปยังกระบวนการปรับแต่ง การปรับแต่งบางครั้งก็ต้องการการเตรียมภาพถ่ายสำหรับความแตกต่างที่เป็นกลางๆ

โดยทั่วไป ภาพต้องการที่จะปรับขนาด ปรับค่ารูรับแสงและความเปรียบต่าง การปรับแต่งเพื่อลบจุดบกพร่องหรือข้อบกพร่องอื่นๆ  และการเพิ่มโทนสี หรือปรับสีโดยผ่านตัวกรองแสง ค่าตั้งเริ่มต้นหรือค่าอื่นๆ  ไฟล์ที่ต้องการคือไฟล์ที่ถูกส่องออกไปยังรูปแบบไฟล์สุดท้ายที่พร้อมใช้งานสำหรับลูกค้า การพิมพ์ หรือใช้ในเว็ปไซต์ต่างๆ

จุดแข็งของ Photoshop
•   การปรับแต่งค่า Pixel ภาพที่ถูกสร้างหรือถูกเปิดใน Photoshop จะถูกประกอบด้วยพิกเซล ซึ่งเป็นจุดเล็กๆที่อยู่ในภาพ และเล็กที่สุดในส่วนของภาพ ซอฟท์แวร์จะยอมให้ทำการปรับแต่งในระดับที่เล็ก หมายถึงการจัดการที่มีข้อจำกัดน้อยที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ภาพที่เป็น raster หรือ vector สามารถถูกสร้างจากการขูดหรือเกา
•   Layers....ตัว Photoshop จะยอมให้มีหลายๆ layer ที่ถูกจัดเก็บภายในไฟล์ต้นทาง หมายความว่า คุณสามารถเก็บภาพที่มีความแตกต่าง หรือการปรับแต่งใน layer ที่แยกจากกัน และบางครั้งก็ถูกซ้อนไว้ในการปรับแต่ง หรือเพิ่มในแต่ละ layer ที่ไม่ขึ้นตรงต่อกัน
•   Actions  เป็นตัวที่มีประโยชน์มาก Actions จะจัดการขั้นตอนต่างๆรวมไว้ด้วยกันและบันทึกเก็บไว้ และยอมให้คุณนำกลับมาใช้อีกในการปรับแต่งภาพโดยแค่ใช้เมาส์คลิ๊กเท่านั้น
•   Compositing and blending  เนื่องจากความสามารถขององค์ประกอบ layer ที่อยู่ในภาพ มันเป็นไปได้ที่จะผสมผสาน layer ต่างๆ เหล่านั้นเข้าด้วยกันเป็นหนึ่งเดียว ตัว Masking จะยอมให้คุณป้องกันในส่วนที่คุณกำหนดไว้ชัดเจนจากการปรับแต่งภาพโดยสามารถทำในส่วนที่เรากำหนดไว้เท่านั้น
•   กล้องเครื่องมือที่มากมาย....แต่ละ version ของ Photoshop ที่ปล่อยออกมาจะนำมาซึ่งเครื่องมือที่มีประโยชน์มากมาย จากตัว Content-aware การลดการสั่นของกล้อง ตัวฟิลเตอร์ของภาพถ่าย การตัดปะภาพพาโนราม่า  นี้คือเครื่องมือที่ส่วนใหญ่เป็นงานของช่างภาพที่ต้องการมัน

จุดอ่อนของ Photoshop
•   การเรียนรู้ที่ต้องใช้เวลา กับสิ่งที่เยี่ยมยอดแบบนี้ ต้องใช้เวลาในการเรียนรู้ แม้ว่าคุณมีการจัดวางรูปแบบเครื่องมือ แต่มันเป็นสิ่งที่ต้องใช้เวลาและการฝึกฝน
•   ไม่มีตัวปรับแต่งภาพ RAW มาให้แต่แรก  ไม่เหมือน Lightroom ซึ่งจะมีความสามารถในการปรับแต่งไฟล์ RAW จากกล้องของคุณมาให้แต่แรก สำหรับ Photoshop จะพึ่งพากับตัวซอฟท์แวร์เสริม อย่างเช่น ACR (Adobe Camera RAW) หรือบางสิ่งที่คล้ายๆ กันเพื่อที่จะนำภาพ RAW เข้ามาปรับแต่งได้
•   ไม่มีการจัดการไฟล์ภาพ  Photoshop จะถูกสร้างจากเริ่มต้นจนเป็นภาพที่ทรงพลังและเครื่องมือการปรับแต่ง แม้ว่าการนำภาพเข้าและออกจะมีเครื่องมือที่รองรับอยู่แล้วที่ทำให้งานต่างๆง่ายขึ้น แต่พวกมันก็ไม่ได้มีการสร้างระบบบการจัดการภาพต่างๆ สำหรับช่างภาพ

จุดแข็งของ Lightroom
•   มีตัวปรับแต่งไฟล์ภาพ RAW มาให้แต่แรก.....ไม่ต้องมีตัวเสริมอื่นๆอีก โดยเริ่มต้นของ Lightroom จะยอมรับไฟล์ภาพ RAW โดยตรงจากล้องถ่ายภาพ และยอมให้คุณทำการปรับแต่งภาพได้จากสิ่งที่มันมีมาให้
•   มีการบริหารจัดการภาพที่เป็นศูนย์กลาง....Lightroom กำเนิดจากความต้องการที่ตอบสนองช่างภาพในการบริหารจัดการภาพถ่ายของพวกเขา ตัวโปรแกรมทั้งหมดจะมีพื้นฐานที่ถูกสร้างอย่างสมบูรณ์ในการบริหารจัดการซึ่งจะช่วยคุณทำการปรับแต่งภาพ
•   ใช้งานง่าย...โดยที่ Lightroom ไม่มีกล่องเครื่องมือที่มากมายเหมือน Photoshop ทำให้การเรียนรู้น้อยกว่า ทุกๆ สิ่งในเครื่องมือพร้อมใช้งาน เข้าใจง่ายและง่ายต่อการจัดการ
•   Presets – เป็นความฝันของช่างภาพ  ลองจินตนาการในความสามารถที่จะลำดับการทำงานร่วมกันของการปรับค่ารับแสง ความเปรียบต่าง และโทนสี และ save ลงในไฟล์  ดังนั้นจินตนาการของคุณจะไม่ถูกจำกัดด้วยสิ่งใดๆ และสามารถนำไปใช้กับภาพอื่นๆ เพียงแค่คลิ๊กเมาส์เท่านั้น  ยินดีต้อนร้บสู่ Lightroom ช่างภาพทั่วโลกได้แบ่งปันสิ่งนี้ในโลกออนไลน์ ทำให้คุณไม่มีข้อจำกัดสำหรับทางเลือกในการแต่งภาพของคุณ

จุดอ่อนของ Lightroom
•   ไม่มีเครื่องมือแก้ไขที่ล้ำหน้า เพราะว่า Lightroom ไม่ได้ตั้งใจให้เป็นตัวแก้ไขที่เต็มรูปแบบ ฟังก์ชั่นการแก้ไขต่างๆของ Photoshop ที่ต้องใช้จะไม่ได้ปรากฎใน Lightroom ยกเว้นพวกเครื่องมือพื้นฐาน คุณยังคงต้องการใช้ Photoshop ในสถานการณ์ที่การปรับภาพอย่างหนักถ้าจำเป็นต้องทำ
•   ไม่มีการจัดการเรื่อง layer  ระบบ layer อันทรงพลังใน Photoshop คือสิ่งที่ไม่ได้มีอยู่จริง ผลและการปรับแต่งสามารถซ้อนบนภาพ แต่ไม่ใช่สิ่งที่แยกออกจริงๆของภาพ หรือความสามารถในการใช้การผสม
•   ภาพอย่างเดียว...อีกครั้งหนึ่ง Lightroom ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อการทำงานอย่างเป็นระบบสำหรับช่างภาพ หมายถึงว่า คุณจะสามารถเพียงแต่นำไฟล์ภาพที่มีอยู่เข้ามาและทำการแก้ไขปรับแต่ง มันไม่ได้มีเครื่องมือ raster หรือ Vector ใน Lightroom มันอยู่ใน Photoshop ตัว Lightroom จะมุ่งไปเพียงจุดเดียวเท่านั้น
 
Creative Cloud  และ รูปแบบของราคา
ราคาที่สูงจนกระทั่งมันเหมาะสมในปัจจุบันนี้.....Photoshop จะมีอีกสิ่งหนึ่งที่เป็นข้อเสียเพิ่มเติมเมื่อเปรียบเทียบกับ Lightroom และมันก็คือราคา ในอดีตการซื้อ Photoshop จะมีค่าใช้จ่ายตกอยู่ที่ประมาณ 400 ถึง 900 เหรียญสหรัฐ ขึ้นอยู่กับ version และส่วนลดต่างๆ ถ้าคุณมี เปรียบเทียบกับ Lightroom ซึ่งมีราคาที่ถูกกว่า 100 เหรียญสหรัฐ  การที่มันมีค่าใช้จ่ายที่สูงในการซื้อ Photoshop กับเงินที่จำกัด สำหรับช่างภาพที่เกิดขึ้นมากมายที่มีงบประมาณน้อย
วันเหล่านั้นได้ผ่านพ้นไปแล้ว ขอบคุณสำหรับ Adobe ที่ทำเรื่อง cloud และโปรแกรมการสมัครเป็นสมาชิก ขณะที่ตัวโปรแกรมล่าสุดได้ออกมา กลุ่มผลิตภัณฑ์หลักๆของ Adobe ก็ได้เปลี่ยนไปเป็น cloud และเปลี่ยนรากฐานใหม่เป็นรูปแบบการสมัครสมาชิกเป็น Creative Cloud  เพียงแค่ 20 เหรียญสหรัฐต่อเดือนที่ให้คุณใช้อย่างไม่จำกัด เช่น Photoshop หรือ Lightroom และเนื้อที่จัดเก็บข้อมูลบน cloud ซึ่งทำให้คุณสามารถเข้าสู่ไฟล์ของคุณจะที่ไหนก็ได้ เพียง 50 เหรียญสหรัฐต่อเดือน จะทำให้คุณเข้าถึงโปรแกรมต่างๆของ Adobe ได้ทั้งชุด ซึ่งมันเป็นเงื่อนไขที่ดีมาก
ในปีนี้ Adobe ได้ประกาศให้ทราบถึงโปรแกรมเกี่ยวกับการถ่ายภาพ ถ้าคุณยังไม่ได้สมัคร คุณควรจะพิจารณาดู น้อยกว่า 10 เหรียญสหรัฐต่อเดือน Adobe จะให้โปรแกรม Photoshop CC และ Lightroom CC ไปพร้อมกับที่จัดเก็บข้อมูลบน cloud มันข้อตกลงที่ไม่น่าเชื่อ และจำกัดในการเลือกและให้ใช้โปรแกรมสำหรับการแต่งภาพเท่านั้น
อันไหนละเป็นสิ่งที่เหมาะกับคุณ ?
ในเมื่อราคาไม่ใช่เรื่องใหญ่แล้ว ตัวเลือกของโปรแกรมที่จะใช้กับภาพถ่ายของคุณจะมาเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการเลือก

ใช้ Lightroom ถ้า....
ถ้าคุณมีระบบการทำงานที่ชัดเจน เรียบง่าย มากกว่าต้องควบคุมการปรับแต่งภาพของคุณ พูดอีกนัยหนึ่งว่า Lightroom ไม่ใช่สิ่งที่อุ้ยอ้ายเมื่อมันทำการปรับแต่งภาพ และคุณสามารถสร้างใหม่ได้อีกในการควบคุมของคุณในตัวซอฟท์แวร์นี้
ตัว Presets จะมีรูปแบบที่ไม่มีสิ้นสุด และมีหลายพันตัวที่พร้อมใช้งานอยู่ใน Internet หน้าตาของ Lightroom ก็เรียบง่ายซึ่งจะช่วยคุณในการทำงานกับงานถ่ายภาพแต่งงานหรือการถ่ายภาพบุคคล อย่างรวดเร็วและแน่นอน และมันสามารถบริหารจัดการภาพถ่ายเหล่านั้นง่ายกว่าที่คุณคิดเสียอีก

ใช้ Photoshop ถ้า…
คุณต้องการที่จะควบคุมภาพของคุณ Photoshop สามารถทำได้ทั้งหมด แต่แน่นอนสิ่งที่แลกมาคือราคาของการเรียนรู้ที่สูงขึ้น ตัว Presets ต่างๆ ไม่ใช่สิ่งที่โปรแกรมทำได้ดีที่สุด แต่มันแทนที่ด้วยการปรับแต่งภาพกับ masks, layers และเครื่องมือต่างๆ ซึ่งให้ทางเลือกกับคุณเท่าที่คุณต้องการ
ในท้ายที่สุด
ทั้งสองสิ่งข้างต้นสามารถรวมกับเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการปรับแต่งภาพได้ เหมือนกับสิ่งอื่นนั่นแหละพวกมันทั้งคู่ก็มีทั้งจุดแข็งจุดอ่อน

แต่โชคดีที่ Adobe ได้มีรูปแบบการสมัครที่เป็นแบบ Creative Cloud คุณสามรถสนุกกับโปรแกรมทั้งสองได้ และใช้ข้อดีของแต่ละโปรแกรมในการทำงานของคุณโดยปราศจากการเสียเงินทองที่มากมาย