BenQ SW271 จอดี…ที่นักถ่ายภาพต้องโดน

 

บางทีเราก็มัวแต่สนใจกล้องและเลนส์จนหลงลืมที่จะเรียนรู้สิ่งสำคัญที่ต่อเนื่องกันอยู่ แถมมันยังเป็นปราการด่านสุดท้ายที่จะชี้ว่าภาพถ่ายของเราจะรุ่งหรือร่วงเสียด้วย!

2

แทบจะหนีการใช้งานคอมพิวเตอร์ไปไม่พ้นเลยครับสำหรับคนเล่นกล้อง อย่างน้อยก็ยังเปิดดูไฟล์ภาพ ปรับนู่นนิดปรับนี่หน่อย เพิ่มสีสัน ปรับลด/เพิ่มแสง ฯลฯ ไปจนถึงระดับมือเซียนที่รีทัชภาพกันหนักๆ ปรับแต่งกันโหดๆ ชนิดที่เห็นภาพแล้วต้องตะลึง

การที่เราจะตัดสินใจว่าควรปรับแต่งอะไรแค่ไหนนั้นเราก็อาศัยการมองเห็นเป็นหลัก แน่นอนครับว่าเรามองที่ “จอภาพ” ที่แสดงผลให้เราดู ถ้าเห็นว่าภาพสว่างไปเราก็ลดความสว่างลงมาหน่อย มืดไปก็เพิ่มขึ้นไปอีกนิด หรือจะให้สีสดขึ้นอีกก็ดันกันขึ้นไป

เราดูจากภาพที่เห็นทั้งนั้น…ซึ่งนั่นแปลว่าจอภาพมีผลต่อภาพถ่ายในขั้นตอนสุดท้ายของเราไม่น้อยเลย จริงไหมล่ะครับ?

แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่า จอภาพกำลังแสดงผลจากข้อมูลแท้ๆ ของไฟล์ภาพที่ถูกต้องอยู่? ยกตัวอย่างเช่น ถ้ามันเป็นจอภาพสำหรับงานออฟฟิศทั่วไป เน้นความสว่างหรือสบายตาเป็นหลัก หรือเป็นจอที่เน้นทางด้านความบันเทิงก็จะให้สีสันสดๆ อิ่มเอมสายตาหน่อย เปิดภาพถ่ายขึ้นมาก็แสดงผลตามบุคลิกของจอรุ่นนั้นๆ ไป

เราก็ปรับไปตามที่เห็น แต่จอภาพของที่ปลายทางล่ะ? ในเมื่อเค้าไม่ได้ใช้จอแบบเดียวกับเราเสมอไป เราจะรู้ได้ยังไงว่าที่ปรับๆ ไปนั้นมันเหมาะมันควรแค่ไหน และแบบไหนกันแน่ที่เรียกได้ว่าพอดี?

สมมุติว่าจอภาพของคุณเน้นแสดงสีสันให้สดใส เมื่อเปิดไฟล์ภาพขึ้นมามันก็แสดงสีสดแอ๋นมาให้ดูเลย คุณก็เข้าใจว่าสีสดดีแล้ว ไม่ต้องเพิ่มอะไรแล้ว แต่เอาเข้าจริงในไฟล์ของคุณยังเป็นสีจืดๆ อยู่ดี เวลาถูกนำไปเปิดที่อื่นมันก็เลยยังจืดๆ ไม่เจ๋งเหมือนดูที่บ้าน

บางจอก็แสดงสีสันผิดเพี้ยนออกมาให้เห็น คุณไม่ทันรู้ก็เลยปรับแต่งสีสันเข้าไปอีกเยอะแยะมหาศาล เวลาดูจากจอที่บ้านของเราแล้วก็ดูดี แต่ทำไมดูที่บ้านเพื่อนหรือตอนที่ปริ้นท์ออกมามันถึงได้สีประหลาดไปขนาดนั้นได้?

ก็เพราะ “คุณภาพ” การแสดงผลของจอภาพที่คุณใช้อยู่นั่นล่ะครับ ซึ่งในฐานะของคนถ่ายภาพอย่างเราๆ ผู้ควรแม่นยำอยู่สักหน่อยก็ไม่ควรดูแค่เฉพาะเรื่องของความละเอียดหรือความคมชัดเท่านั้น แต่ควรต้องดูไปถึงเรื่องของสีสันด้วยว่ามันแสดงผลเป็นยังไง? ถูกต้องเที่ยงตรงแค่ไหน?

แต่เชื่อเถอะครับ หากคุณใช้จอภาพทั่วๆ ไปในการทำงานเกี่ยวกับภาพถ่ายอยู่ละก็ รับรองว่ายังไงก็ต้องผิดเพี้ยนแน่นอน เพราะเค้าไม่ได้ถูกออกแบบมาอย่างนั้น

โลกนี้จึงต้องมีจอภาพสำหรับการแสดงผลภาพถ่ายที่ถูกต้อง เพื่อให้คุณตัดสินใจในการปรับแต่งภาพที่ได้ผลลัพธ์ใกล้เคียงกับที่ตามองเห็นมากที่สุด

ซึ่ง “BenQ” ก็โดดลงมาออกแบบและผลิตจอภาพคุณภาพสูงเพื่องานลักษณะนี้โดยเฉพาะ ชนิดที่ว่าแสดงออกโดยตรงถึงการเป็นจอภาพสำหรับช่างภาพมืออาชีพกันเลยทีเดียว

3

• Color Management Monitor

จอไหนๆ ก็ย่อมจะต้องปรับความสว่างหรือคอนทราสต์ได้อยู่แล้วนี่? ก็ถูกครับ …แต่จอเหล่านั้นไม่สามารถแสดงผลของสีสันในระดับที่ถูกต้องได้ ซึ่งจอในระดับที่จริงจังทางด้านนี้เค้าก็จะมีคุณสมบัติในการควบคุมการแสดงผลของสีสันได้ลงลึกและละเอียดยิบ ซึ่งแน่นอนว่าคุณจะไม่สามารถควบคุมการแสดงผลได้มากขนาดนี้ในจอภาพ LCD ทั่วไปแน่นอน ไม่ว่ามันจะเป็นจอที่มีขนาดใหญ่หรือละเอียดแค่ไหนก็ตาม แต่ถ้าเป็นจอภาพในรุ่นที่ระบุเอาไว้ว่า “Color Management Monitor” ละก็ แปลว่ามันเป็นจอภาพที่ปรับตั้งการแสดงผลสีสันให้ถูกต้องกับลักษณะของข้อมูลที่ได้จากไฟล์ภาพเพื่อกระบวนการ “CMS” หรือ Color Management System สำหรับการควบคุมสีสันที่แม่นยำตลอดกระบวนการทำงานแน่นอน

• SW271

ก่อนหน้านี้ผมมีใช้งานจอภาพรุ่น SW2700 PT ของทาง BenQ เค้าอยู่แล้วครับ มันเป็นจอภาพที่ออกแบบมาเพื่อนักถ่ายภาพโดยเฉพาะ การแสดงผลสีสันนั้นเยี่ยมยอดและเที่ยงตรงแม่นยำมาก ส่วนไหนที่ดีมันก็จะชูให้เห็น ส่วนไหนที่แย่ก็จะฟ้องออกมาให้เรารู้เพื่อจะได้แก้ไขให้มันถูกต้องซะ อันนี้เป็นเรื่องสำคัญที่นักถ่ายภาพต้องใส่ใจให้ดี เพราะคุณจะได้รู้ว่าที่คุณกำลังปรับแต่งโปรเซสภาพจนเมื่อยแล้วเมื่อยอีกอยู่น่ะผลลัพธ์ของมันจะเป็นแบบที่เห็นอยู่นั่นหรือเปล่า? ส่วนความคมชัดนั้นไม่ต้องพูดถึง มันไม่ใช่จอที่คมเปรี๊ยะเสียจนทำให้เราประมาท เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นคุณก็อาจจะละเลยเรื่องการเพิ่มความคมชัดเข้าไปในไฟล์ภาพจริงๆ ซึ่งพอไปแสดงผลที่อุปกรณ์อื่นก็กลายเป็นภาพไม่คมไปเสียอย่างนั้น

SW2700 PT จึงเป็นจอภาพแจ๋วๆ สำหรับนักถ่ายภาพที่ผมแนะนำเป็นอย่างยิ่ง

ผ่านมาอีกสักสองปี เค้าก็ออกรุ่นใหม่มาอีก เป็นรุ่นเพื่อนักถ่ายภาพและผู้ที่ต้องการความแม่นยำของสีสันสูงเป็นพิเศษ เน้นไปที่การใช้งานในระดับผลิตงานธุรกิจกันเลยทีเดียว นั่นก็คือรุ่น “SW271” ขนาด 27 นิ้วในแนวทะแยงเท่ากัน แต่ที่เด็ดยิ่งกว่าเดิมก็คือ นอกจากจะเป็นจอภาพแม่นยำแล้วก็ยังแสดงผลภาพได้ที่ความละเอียดถึงระดับ 4K เลยทีเดียว …ก็เต็มตาเต็มอารมณ์กันไปสิทีนี้

• Adobe RGB

4ถ้าคุณยังไม่เข้าใจเรื่องนี้ละก็ผมขอแนะนำให้ลองศึกษาเรื่องนี้ดูครับ ในกล้องของเราก็มีให้เลือกระหว่าง sRGB และ Adobe RGB ซึ่งเรามักจะไม่เข้าใจว่ามันเอาไว้ทำอะไรและควรเลือกใช้แบบไหนกันแน่?

คร่าวๆ ก็คือ sRGB นั้นสำหรับการแสดงผลทั่วไป อุปกรณ์อันไหนก็ใช้ sRGB ในการแสดงผลได้ แต่ถ้าเป็น Adobe RGB ละก็มันจะไม่สามารถแสดงผลได้กับทุกอุปกรณ์ ส่วนมากแล้วอุปกรณ์ระดับโปรมักจะใช้ระบบ Adobe RGB ได้ (แน่นอนว่ามันย่อมต้องแพงกว่าด้วย) โดยเฉพาะเครื่องปริ้นท์เตอร์ระดับมืออาชีพก็จะสามารถปริ้นท์สีแบบ Adobe RGB ออกมาได้ ในขณะที่ปริ้นท์เตอร์อื่นทำไม่ได้

…แล้วจะต้องใช้ไปให้เปลืองสตางค์ทำไม?

ก็เพราะ Adobe RGB นั้นมีจำนวนของระดับข้อมูลสีให้ใช้งานได้เยอะกว่าครับ การไล่สีหรือรายละเอียดของภาพจะดูแน่นกว่า และให้ความยืดหยุ่นได้มากกว่าสำหรับการโปรเซสภาพด้วย พูดง่ายๆ ก็คือ ในเรื่องของสีสันแล้วมันเหนือกว่า sRGB แทบจะทุกด้าน ลองนึกดูง่ายๆ ว่าระหว่างกล่องสีไม้ที่มีสี 10 สีกับ 20 สีเทียบกัน แบบ 20 สีก็จะเปิดโอกาสให้เราใช้ลูกเล่นทางสีสันได้เยอะกว่านั่นเอง

เอาล่ะ ในเมื่อ Adobe RGB มันดีกว่า งั้นก็ใช้เสียเลยละกันมั๊ยล่ะ?

ต่อให้เครื่องคอมจะสเปคเทพ แรมทะลุทะลวง การ์ดจอระดับสุดยอด โปรแกรมถูกลิขสิทธิ์แน่ๆ แต่คุณนำไฟล์ภาพมาเปิดเพื่อโปรเซสภาพด้วยจอภาพที่ไม่ใช่ Adobe RGB ก็แทบจะเปล่าประโยชน์ครับ  เพราะมันแสดงลักษณะสีไม่ได้ขนาดนั้น เวลาที่คุณปรับแต่งภาพไปมันก็จะแสดงผลเพี้ยนไปเรื่อยๆ จนหลงทางไปเลย

ดังนั้นคุณจึงต้องการจอภาพที่สามารถแสดงผลของสีได้ถึงระดับ Adobe RGB ด้วยจึงจะเห็นจริงว่ามันต่างกันอย่างไร

ซึ่งจอภาพรุ่น SW271 นี่ก็สามารถแสดงผลสีแบบ Adobe RGB ได้มากกว่า 99% ครับ ก็เพราะอย่างนี้แหละ มันถึงแสดงผลได้แม่นยำใกล้เคียงกับไฟล์ภาพของคุณจริงๆ ไงล่ะ

• แกะกล่อง

ทันทีที่ได้เห็นกล่องทรงหนาต่างออกไป ผมก็รู้สึกได้ทันทีว่านี่ต้องเป็นจอภาพระดับมือโปรแน่นอน

1

แกะกล่องออกมาก็ดูโปรมากครับ มีการแยกชิ้นส่วนต่างๆ ออกเป็นช่องๆ เห็นชัดเจนอย่างดี ภายในกล่องก็ประกอบไปด้วยตัวจอ, ขาตั้ง, ชุดอุปกรณ์สายพ่วงสัญญาณ และที่เป็นของเจ๋งเช่นเดิมก็คือ “ฮูด” หรือกรอบบังแสงเพื่อป้องกันแสงสะท้อนมารบกวนหน้าจอ ซึ่งด้านในบุกำมะหยี่สีดำเพื่อป้องกันแสงสะท้อนนั่นเอง

5

ทั้งหมดนี้บรรจุอยู่ในกล่องเรียบง่ายแต่มีความเป็นระเบียบและเอาจริงมาก

ผมอุตส่าห์เตรียมกล่องเครื่องมือมาวางเอาไว้เพื่อใช้ในการประกอบส่วนต่างๆ เข้าด้วยกัน แต่เอาเข้าจริงแล้วก็ปรากฏว่าไม่ได้ใช้เครื่องมืออะไรซักกะอย่างเดียว เค้าออกแบบมาได้ดีมากครับ คุณใส่ขาตั้งเข้าไปยึดตัวจอได้ด้วยการกดปุ่มล๊อคเพียงครั้งเดียว จากนั้นก็ยึดขาเข้ากับส่วนฐาน ซึ่งน็อตของเค้าก็มีที่ให้เราหมุนสะดวกได้โดยไม่ต้องใช้เครื่องมืออีกนั่นแหละ

6

7

8

ส่วนฮูดบังแสงก็ใช้วิธีประกบแล้วเลื่อนให้มันล็อคเข้าไว้ด้วยกัน ทั้งหมดนี้ทำได้ด้วยตัวคนเดียวโดยที่ไม่ต้องใช้เครื่องมืออะไรสักชิ้น ว้า! อุตส่าห์ไปหามารอแล้วแท้ๆ จะสะดวกไปไหน

9

10

แต่ละส่วนนั้นใช้คำว่าดูดีได้เลยครับ เป็นเฟอร์นิเจอร์อีกชิ้นนึงในบ้านได้เลยด้วยซ้ำ การเก็บรายละเอียดรวมไปถึงวัสดุดูไม่ก๊องแก๊ง ปุ่มต่างๆ กดแล้วให้สัมผัสดีมาก จอรุ่นนี้ไม่จำเป็นต้องตั้งชิดผนังอีกต่อไปเพราะด้านหลังก็ยังดูดี ตรงบริเวณขาตั้งก็มีรูขนาดใหญ่เพื่อรวมสายทั้งหมดเข้าไว้ด้วยกันเพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย

1112

การปรับระดับความสูงต่ำของจอนี่เป็นอะไรที่ผมทึ่งมาก มันไม่จำเป็นต้องมีล็อคอะไรทั้งสิ้น คุณแค่ออกแรงดันมันขึ้นสูงหรือกดลงต่ำเท่านั้น มันก็จะอยู่ของมันเองได้เลย เจ๋งดี

1314

เมื่อประกอบเสร็จออกมาแล้วก็หน้าตาเป็นแบบนี้ครับ

1617

แต่ที่เหนือชั้นไปอีกขั้นนึงก็คือ จอ SW271 นี่มันสามารถหมุนไปใช้งานในแนวตั้งได้ด้วย แถมด้วยฮูดที่มาพร้อมกันนั้นก็ยังมีชุดแยกให้เปลี่ยน แล้วมันก็กลายไปเป็นฮูดทรงแนวตั้งที่หากคุณจะหมุนจอตัวนี้ไปใช้ในแนวตั้งก็ยังมีฮูดให้ใช้งานได้อยู่ดี

18

สังเกตเห็นได้ครับว่าแต่ละส่วนนี่แทบไม่มีส่วนที่แวววาวอันดูหรูหราเลย มันเป็นสีด้านเกือบหมด ซึ่งเดาเจตนาของผู้ออกแบบได้ว่าไม่อยากให้มีอะไรมาวิ้งวั้งรบกวนสายตา จะได้จดจ่ออยู่กับภาพในจออย่างเดียวเลย

19

และจอภาพรุ่นนี้ถูกดีไซน์ให้เป็นแบบที่เรียกว่าแทบจะไม่มีกรอบของจอแต่อย่างใด!

15

หูยย ดีเริ่ดประเสิร์ฐศรีมาก

• กายภาพ

จอรุ่นนี้หน้าตาดีมากครับ สิ่งหนึ่งที่ผมสังเกตเห็นก็คือ ปุ่มปรับต่างๆ ที่เดิมจะอยู่ขอบจอด้านล่าง แต่รุ่นนี้อยู่ที่ขอบจอและเปลี่ยนตำแหน่งมาไว้สำหรับกดจากด้านหน้า ไม่ได้กดจากข้างใต้เหมือน SW2700PT นั่นก็เพราะว่า เมื่อคุณหมุนจอไปเป็นแนวตั้งแล้วก็ยังสามารถติดฮูดและยังกดปรับเปลี่ยนนู่นนี่นั่นเพื่อควบคุมจอภาพได้อีกด้วย ไม่งั้นแล้วก็ไม่รู้จะกดยังไง เพราะฮุดจะไปปิดทับมันนั่นเอง

ปุ่มปรับก็ไม่มีอะไรครับ ใช้งานง่ายเหมือนกับทีวีทั่วไปในการเข้าเมนูปรับนู่นนี่นั่น แต่เจ้านี่มีปุ่มอีกชุดนึงซึ่งแยกเป็นเอกเทศจากจอ อุปกรณ์ตัวนี้ (มามาให้ในชุด) มีหน้าตาเหมือนโยโย่ กลมๆ แบนๆ วางลงไปที่หลุมของขายึดตรงฐานจอได้พอดีเป๊ะ! อ้าว ก็เค้าออกแบบมาเพื่อกันขนาดนี้มันจะไม่พอดีได้ไงล่ะ

2120

ชุดนี้เป็นปุ่มที่เอาไว้กดปรับเปลี่ยนการแสดงผลสีอย่างรวดเร็วทันทีทันควัน เช่น ปุ่ม 1 ก็จะแสดงสีในระบบ Adobe RGB ปุ่มสองสำหรับ sRGB และปุ่มสามสำหรับเปลี่ยนเป็นไม่แสดงสี (BW) อันนี้แหละครับที่เจ๋ง เพราะจะสามารถดูอย่างคร่าวๆ ได้ว่าควรปรับเป็นภาพขาวดำดีกว่าไหม ซึ่งช่วยให้ประหยัดเวลาไปได้เยอะกว่าการที่จะเปิดภาพเข้ามาในโปรแกรมแล้วค่อยปรับแต่งถอดสีออกเพื่อพิจารณา ซึ่งรับรองว่าคุณต้องใช้เวลามากกว่าแน่ๆ ไม่เหมือนเจ้านี่ที่กดปุ่มครั้งเดียวก็ได้เห็นละว่าถ้าภาพนี้หากเราจะปรับแต่งให้เป็นภาพขาวดำแล้วจะดูดีหรือเปล่า อารมณ์ของภาพได้มั๊ย? ก็ดูจากตรงนี้ได้เลยครับ แค่กดปุ่มเดียวครั้งเดียวเท่านั้น

22

ด้านข้างของจอมีช่องเสียบ USB 3.0 อยู่สองช่องครับ นอกจากจะเป็นจอภาพแล้วยังทำตัวอำนวยความสะด้วยการเป็น USB Hub ได้อีกต่างหาก และด้านข้างกันนั้นก็เป็นสลอตเสียบการ์ดหน่วยความจำแบบ SD Card เข้าไปได้ด้วย เห็นมั๊ยล่ะว่าทำมาเอาใจช่างภาพขนาดไหน? เราก็เสียบการ์ดแล้วเรียกเข้าคอมฯ ได้เลย นี่ถ้ามีช่องเสียบการ์ด CF ได้ด้วยละก็จะเป็นอะไรที่แจ่มมากจริงๆ

23

ส่วนด้านล่างของหลังจอเป็นที่อยู่ของพอร์ตเชื่อมต่อต่างๆ ซึ่งคุณสามารถต่อคอมเข้ากับจอได้ด้วยพอร์ตชนิด HDMI, Display Port, และ USB-C ซึ่งเค้ามีสายสัญญาณมาให้พร้อมสรรพเลยครับ

24

25

• ใช้งาน

จอเดิมของผมในรุ่น SW2700PT นั้นต่อผ่าน Display port ไปยังพอร์ต Thunderbolt 2 ของเครื่อง แต่คราวนี้ SW271 มีพอร์ต USB-C มาให้ด้วย ผมก็เลยนำมาต่อเข้ากับเครื่อง MacBook ที่มีพอร์ต USB-C ซะเลย เพราะเมื่อคุณใช้สาย USB-C (มีมาให้ในชุด) ก็แปลว่าคุณใช้สายสัญญาณเพียงเส้นเดียวเท่านั้น ไม่ต้องเสียบสาย USB อีกเส้นแล้ว การ์ด SD หรืออะไรก็ตามที่คุณต่อพอร์ต USB 3 ของจอมันก็จะเชื่อมต่อเข้ากับคอมพิวเตอร์ไปด้วยเลย สะดวกดีไม่น้อย สายเส้นเดียวจบ!

26

คราวนี้ผมเลยนำเอาจอเดิมมาเสียบเพิ่มเข้าไปอีกโดยต่อมันเข้ากับ MacBook Pro 2018 ที่มีพอร์ต USB-C เยอะหน่อย ซึ่ง SW2700PT ไม่มีพอร์ตนี้ ผมจึงไปหาซื้อสาย Display Port to USB-C มาอีกเส้นนึง กลายเป็นความบันเทิง (สำหรับการทำงาน) ที่อลังการด้วยสามจอเลยทีนี้

27

ฟิลลิ่งนอกนั้นก็แทบไม่มีอะไรต่างออกไปจากจอเดิมที่ผมใช้อยู่ครับ ทั้งคม ละเอียด สีเที่ยงตรงแม่นยำ มองสบายตา แต่ที่เพิ่มเติมเข้ามาก็คือ 4K! แสดงผลภาพโดยเราได้เห็นพื้นที่ของภาพเยอะกว่าเดิมนั่นเอง

ลองปรับความละเอียดของจอ SW271 นี้ไปเป็นแบบ 4K เต็มอัตราศึก ปรากฏว่าเห็นภาพได้ในพื้นที่เยอะกว่าเดิม (แน่ละ) ปรับแต่งภาพได้สนุกสนานมากครับ แต่ข้อเสียก็คือ ขนาดของตัวอักษรต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเมนูหรือคำสั่งอะไรก็ตามย่อมจะเล็กลงตามสัดส่วนไปด้วย ดังนั้นมันจึงเหมาะสำหรับการทำงานกับรูปภาพโดยตรง (โดยเฉพาะไฟล์ภาพขนาดใหญ่) คุณอาจจะต่อใช้งานสองจอโดยที่จอนึงแสดงผลระดับ 2K และอีกจอก็แสดงผลแบบ 4K หรือถ้าคุณมีแค่จอเดียวก็ไม่เห็นจะยาก เพราะคุณก็เพียงแค่สวิทช์สลับไปมาระหว่างสองความละเอียดให้เหมาะกับงานในขณะนั้นก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร

28

29อย่าเพิ่งงงครับว่า 4K เห็นภาพเล็กกว่า 2K แล้วมันจะดีกว่ายังไง? ก็เพราะเค้าแสดงความละเอียดที่ขนาด 100% เหมือนกัน แต่เห็นพื้นที่ของภาพได้มากกว่า นั่นก็แปลว่าคุณปรับแต่งภาพโดยเห็นภาพรวมของไฟล์ภาพถ่ายนั้นได้ดีกว่า แถมยังดูความคมชัดไปพร้อมกันได้ด้วย เพราะถ้าเป็นแบบ 2K คุณก็จะต้องคอยซูมเอ้าท์ออกไปดูภาพรวมบ่อยกว่านั่นเอง แถมยังช่วยลดความผิดพลาดสำหรับส่วนที่มองไม่เห็นซึ่งพ้นขอบจอออกไป เช่น ปรับที่คนจนขาวสว่างลงตัวแล้ว แต่ฉากหลังบางส่วนก็โอเวอร์จนรายละเอียดหายไปเพราะเรามองไม่เห็นพื้นที่ส่วนนั้นในตอนปรับนั่นเอง

ผมมีแผนความบันเทิงระหว่างการทำงานอีกอย่างนึงด้วย ก็ในเมื่อจอเค้ามีพอร์ต HDMI มาให้ตั้งสองพอร์ตนู่นแน่ะ เราก็สามารถนำเอาสารพัดอุปกรณ์บันเทิงมาเสียบเข้าพอร์ตนี้ซะเลยเป็นไงล่ะ อย่างเช่นต่อเครื่องเล่น Blu-ray เข้าไป แค่นี้คุณก็เปิดหนังในระดับ 4K ดูได้ละ แหม สาระที่สลับเป็นบันเทิงได้ อะไรจะเจ๋งขนาดนี้

เดิมทีเมื่อมาจากโรงงาน จอ BenQ ทุกตัวก็จะมีการคาลิเบรทจอภาพเพื่อแสดงสีให้เที่ยงตรงมาระดับนึงแล้ว ที่นี้เราอาจจะอยากให้แม่นสำหรับเครื่องคอมของเราโดยเฉพาะเข้าไปอีก ก็คาลิเบรทเพิ่มได้ครับ โดยหาตัวอุปกรณ์คาลิเบรทมาสักชุดนึง (ที่มันเกาะอยู่กับหน้าจอนั่นแหละ เห็นมีคนให้เช่าอยู่หลายเจ้า) แล้วก็คาลิเบรทไปให้เป็นแบบของเรา

ที่เจ๋งอีกอย่างของจอ BenQ รุ่นที่มีฮูดมาให้ด้วยก็คือ ที่ด้านบนตรงกลางของฮูดจะมีช่องที่สามารถเปิด-ปิดได้ ก็เพื่อเอาไว้หย่อนไอ้เจ้าตัวคาลิเบรทเตอร์นี้ลงมานี่แหละครับ จะได้สะดวกมากยิ่งขึ้น แหม เอาใจกันซะขนาดนี้เลยเชียวนะ

30

BenQ เค้ามีซอฟต์แวร์ของตัวเองเปิดให้ดาวน์โหลดฟรีครับ (แต่ใช้ได้เฉพาะกับจอ BenQ เท่านั้นนะ) มันชื่อว่า “Pallette Master Element” เพื่อนำมาใช้งานร่วมกับอุปกรณ์คาลิเบรท ซึ่งข้อดีก็คือ มันเป็นซอฟต์แวร์จากทางผู้ผลิตเอง ก็ย่อมจะต้องรู้จักกันเป็นการส่วนตัวดีอยู่แล้ว

31

วิธีการใช้งานก็ไม่ยุ่งยากอะไรครับ เปิดซอฟต์แวร์ขึ้นมาแล้วทำตามคำแนะนำของโปรแกรม เลือกแบบ Photography เข้าไว้ นอกนั้นเดี๋ยวเค้าจัดการกันเอง ง่ายแสนง่ายไม่ยุ่งยาก ขั้นตอนนี้ก็จะใช้เวลาสัก 15 นาที ปล่อยให้เครื่องมันทำไป เราก็ไปหากาแฟจิบกันเสียก่อนก็ยังได้

ของผมก็จะคาลิเบรทให้ทั้งสามจอแสดงสีใกล้เคียงกันมากที่สุด จะได้ทำงานได้โดยไม่สับสน ซึ่งสำหรับจอ BenQ ทั้งสองรุ่นที่วางคู่กันนั้นไม่ใช่ปัญหา เพราะล้วนเป็นจอ Color Management Monitor ทั้งคู่อยู่แล้ว

32

ลองคิดดูเล่นๆ ครับว่า ถ้าคุณใช้สองจอแล้วความสามารถในการแสดงสีของมันไม่เหมือนกัน…เราจะเชื่ออันไหนดี? อันไหนคืออันที่ถูกต้องกันแน่?

แต่ถ้าไม่คาลิเบรทล่ะ? ก็ใช้งานได้เลยครับ เพราะก็อย่างที่บอกล่ะครับว่าเค้าจัดการมาให้จากโรงงานอยู่แล้ว เพียงแต่ถ้าต้องการให้แม่นขึ้นอีกก็มาทำเพิ่ม แต่ถ้าไม่ทำก็ใช้งานได้เลย มันยังคงแสดงสีแม่นยำระดับนึงอยู่ดี เว้นแต่ว่าถ้าคุณใช้เพื่อทำงานสิ่งพิมพ์หรือปริ้นท์เตอร์ละก็อันนั้นผมแนะนำว่ายังไงคุณก็ต้องคาลิเบรทใหม่เพื่อให้มันตรงกัน จะได้งานที่มีประสิทธิภาพสูงสุดยังไงล่ะ

• สรุป

ต้องขอบอกว่ามันเป็นจอที่ใช้งานได้ดีมากๆ สำหรับความเป็นช่างภาพ เพราะเค้าถือกำเนิดมาด้วยคอนเซฟต์นี้โดยตรงอยู่แล้ว แบบนี้แหละที่เราจะสามารถปรับแต่งภาพได้อย่างเป็นมาตรฐานและแม่นยำใกล้เคียงกับของจริงหน่อย รับรองว่าคุณจะลืมจอเก่าที่เคยใช้งานอยู่ไปเลย เผลอๆ อาจจะเสียดายว่าทำไมไม่ซื้อมาใช้ซะตั้งนานแล้ว ไม่งั้นก็มีไฟล์ภาพดีๆ อีกตั้งเยอะเอาไว้อวดให้โลกเห็น เลยต้องมาโปรเซสกันใหม่อีกรอบสิ

แต่ถ้าคุณเป็นมืออาชีพที่ผลิตงานในเชิงพาณิชย์ละก็ นี่คือจอภาพที่คุณควรใช้งานเป็นอย่างยิ่ง เพราะมันหมายถึงว่างานของคุณจะโปรขึ้นอีกมากมายจากการแสดงผลให้คุณตัดสินใจได้อย่างถูกต้องต่อทุกการปรับแต่ง ไม่ว่าจะเป็นงานซึ่งท้ายที่สุดแล้วจะใช้แสดงบนจอภาพหรือสำหรับงานสิ่งพิมพ์ทั้งหลายก็ตาม

อ้อ! สำหรับนักตัดต่อวีดีโอทั้งหลายด้วยสิครับ พื้นที่หน้าจอสำหรับการทำงานของคุณมักจะไม่สะใจสำหรับพวกวินโดว์และ Timeline ต่างๆ ใช่ไหมล่ะ? แหมอยากให้ให้จอมันยาวสักร้อยเมตรจริงๆ แต่นี่ละครับ ด้วยความเป็น 4K มันก็จะเพิ่มพื้นที่การทำงานของคุณให้เยอะขึ้นอีกสอง-สามเท่าตัวเลยทีเดียว

อีกสิ่งหนึ่งที่พิเศษมากก็คือ SW271 นี่เค้ามีโปรเซสเซอร์ประมวลผลเรื่องสีอยู่ในตัวเองครับ ไม่ต้องรบกวนทรัพยากรของการ์ดจอในเครื่องคอม ดังนั้นมันจึงทำงานได้รวดเร็วมาก ส่งผลให้การทำงานโดยภาพรวมของเราดีขึ้นเห็นๆ เลยด้วย

เอาละครับ ในเมื่อมันเป็นจอภาพที่เจ๋งมากๆ ขนาดนี้แล้ว ก็เป็นธรรมดาอยู่เองที่ค่าตัวจะแรงสักหน่อยถ้าเรายังไม่ได้เทียบความสามารถ นั่นก็คืออยู่แถวสี่หมื่นกลางๆ สำหรับท่านที่ต้องใช้งานในระดับมืออาชีพอยู่แล้วก็นับว่าคุ้ม เหมือนกับที่คุณซื้อเลนส์เกรดโปรนั่นแหละ ถึงมันจะแพงแค่ไหนแต่เพื่อคุณภาพของงานแล้วยังไงของมันก็ต้องมี จริงไหมล่ะ?

แต่ถ้าคุณไม่ได้มีงบประมาณขนาดที่ว่า ผมก็แนะนำรุ่น SW2700PT ความละเอียด 2K ครับ ตัวนั้นก็จัดว่าเป็นโคตรเซียนแล้ว ราคาเบากว่า SW271 สักเท่าตัว แต่คุณภาพนั้นรับรองว่าใช้แล้วติดใจในความเที่ยงตรงแม่นยำดุจเดียวกันแน่นอน

ขอบอกว่า ไม่ว่าจะเป็น SW271 หรือ SW2700PT ต่างก็เป็นจอภาพที่ผมแนะนำให้นักถ่ายภาพควรต้องมี เพราะปัญหาใหญ่ๆ ที่ผมสังเกตดูอยู่ก็คือ เรามักจะปรับแต่งภาพกันแล้วมันดูแปลกออกไปจากที่ควรจะเป็น ซึ่งผมดูแล้วก็เชื่อว่ามันเป็นเพราะปัญหาของการไม่ได้เห็นลักษณะแสงเงาและสีสันของภาพตามที่เป็นจริง พอเอ้าท์พุทออกมามันก็เลยแสดงผลผิดเพี้ยนไปนั่นละครับ ก็ถ้าจอภาพมันแสดงผลถูกต้องเราก็จะได้ไม่ต้องปรับแต่งภาพกันมั่วไปมั่วมาโดยไม่รู้ว่าสีสันที่ถูกที่ควรอย่างที่เราอยากจะให้เป็นนั้นมันเป็นยังไงกันแน่ ซึ่งก็ย่อมจะตามมาด้วยผลลัพธ์อันเป็นผลงานที่ดีขึ้นยังไงล่ะ

…เจ็บแต่จบครับสำหรับจอภาพ BenQ SW271 รุ่นนี้ บอกเลย!

ปิยะฉัตร แกหลง

PhotoNextor XT

ตุลาคม 2561

 

Comments

comments

You may also like...