12 วิธีแก้ทางมวย เมื่อที่เที่ยวไม่ได้สวยอย่างที่คิด!

 

โดนฤทธิ์ของภาพถ่ายสถานที่เข้าไปเต็มๆ เมื่อไปเจอที่เที่ยวของจริงแล้วไม่สวยอย่างที่เคยเห็นในภาพถ่าย การเซ็งในอารมณ์ไม่ทำให้อะไรดีขึ้นมาได้หรอก หันมาปรับวิธีคิดในการถ่ายภาพกันหน่อยดีกว่า…

Main

คงไม่มีใครหรอกครับที่จะอยากถ่ายภาพออกมาแล้วทุกคนต่างพากันเบือนหน้าหนี คำพูดประเภทว่า ถ่ายอะไรมาวะ?” ก็เป็นของแสลงใจสำหรับผู้ที่สู้อุตส่าห์สะพายกล้องไปรับประทานแห้วเรื่องสถานที่กันแสนไกลสุดกู่ เอาเถอะครับ ก็ในเมื่อมันเป็นอย่างนั้นของมันเสียแล้วต่อให้เราลงไปนอนดิ้นตีอกชกหัวมันก็คงจะไม่พยายามสวยขึ้นมาให้คุณได้หรอก เรารู้ว่านายเจ็บ…เราเองก็เจอสถานการณ์เช่นนี้มาบ่อยๆ แล้วก็อยากจะลงไปนอนดิ้นเป็นชะโดตีแปลงคร่ำครวญอยู่เหมือนกัน แต่ก็เกรงว่าจะไม่ใช่ภาพที่น่าเอ็นดูเท่าไหร่นัก เผลอๆ จะได้ของแถมที่ไม่ค่อยอยากจะได้จากคนแถวนั้นอีกต่างหาก ดังนั้นของอย่างนี้มันต้องแก้เกมส์กันหน่อยแหละ ผมมีวิธีคิดมาให้ลองนำไปปรับใช้กันดู ก่อนอื่นก็ลุกขึ้นมาตั้งสติก่อนครับ วางถุงแห้วลงก่อน

11. เล่นอภินิหารเลย

เมื่อสถานที่ไม่ค่อยจะมีอะไรน่าสนใจในภาพรวมหรือภาพมุมกว้าง ก็ใช้เทคนิคทางการถ่ายภาพแบบต่างๆ ให้กลายเป็นภาพที่ดูแปลกตาไปเลย วิธีการแบบนี้จะช่วยสร้างความน่าสนใจได้มากขึ้นอย่างได้ผล ของที่มักจะใช้กันอยู่บ่อยๆ ก็คือดวงอาทิตย์กับรูรับแสงแคบเพื่อบังคับให้มันตีประกายแฉกออกมานี่แหละ จัดมุมให้มันไปเหน็บอยู่กับอะไรสักอย่างนึงก็จะยิ่งดีเลย แต่ก็ระวังเรื่องสายตาสักหน่อยนะครับ ภาพแบบนี้จะค่อนข้างน่าวิตกสำหรับดวงตาอยู่สักหน่อยในขณะที่ถ่ายภาพ

 

2

2. มองหาของแปลกในสถานที่แล้วจัดเน้นๆ

เชื่อไหมล่ะว่าในทุกแห่งที่คุณไปจะต้องมีของแปลกของเด่นอยู่เสมอ หากแต่เรามักจะมองภาพกว้างๆ กันอยู่ร่ำไปจนไม่ได้ใส่ใจรายละเอียดเล็กๆ เหล่านั้น มันอาจจะเป็นรังของตัวอะไรสักอย่าง, ลวดลายริ้วรอยของส่วนประกอบฝีมือมนุษย์, งานฝีมือทางศิลปะ ฯลฯ หรือแม้กระทั่งใบไม้รูปทรงแปลกตา อะไรพวกนี้คือสิ่งละอันพันละน้อยที่เราสามารถเพิ่มเข้ามาในชุดภาพได้ จะใช้เลนส์มาโคร เทเลฯ หรือแม้กระทั่งเลนส์ไวด์ก็ยังไหว (ถ้ามันขนาดใหญ่พอ) จ่อมันเข้าไปใกล้ๆ แบบจัดเน้นหน่อย แล้วก็มาหาข้อมูลเพิ่มเติมประกอบการโม้ อ่าประกอบการเล่าเรื่องเอาไว้ พอมีคนถามว่า อะไรน่ะ?” นั่นแหละครับเข้าทางรัวข้อมูลที่ได้มาออกไปเลย

 

3

3. แสดงเรื่องราวการเดินทาง

เรื่องราวที่ปรากฏอยู่ในภาพช่วยแก้วิกฤติได้ครับ ยิ่งสภาพกันดารผสมดราม่าน้ำตาท่วมจอแล้วละก็มันจะยิ่งน่าสนใจเข้าไปใหญ่ ชั้นเดินเหนื่อยนะ ทางชันมาก ไม่มีอะไรกินเลย เจองูจงอางตัวเท่าแขน ถั่วงอกตันเท่าขา ฯลฯ สุดแท้แต่คุณจะพรรณา(โม้) กันไป ที่สำคัญก็คืออย่าลืมให้พื้นที่ในภาพสำหรับสภาพของพื้นที่จริงด้วย และก็อย่าลืมใส่ผู้คนบนเส้นทางนั้นเข้าไปด้วยล่ะจะได้ช่วยกระตุ้นจินตนาการสมมุติของผู้ดูภาพให้ชัดเจนยิ่งขึ้น

 

4

4.จำลองแสงแดด

คุณอาจจะไปเจอเข้ากับสถานที่ซึ่งมีสภาพแสงสลัวๆ ดูลึกลับแบบในหนังเรื่อง Sleepy Hollow หรือเรื่องอื่นๆ ของทิม เบอร์ตัน แต่สภาพแวดล้อมนั้นเป็นแบบขอนอนอยู่บ้านดีกว่าเพราะมันไม่ได้มีอะไรน่าสนใจตรงไหน หันดูรอบตัวจนคอแทบหักก็หาได้มีสิ่งใดสะดุดสายตาไม่ วิธีการที่ดีไปกว่าใช้ตัวเองแกล้งทำเป็นนอนสิ้นชีพอยู่แถวนั้นเพื่อสร้างเรื่องราวก็คือ ใช้แฟลชช่วยจำลองแสงแดดขึ้นมาเพื่อให้มันเกิดความแตกต่างทางแสงในพื้นที่ของภาพ แต่ไม่ใช่การสาดแฟลชออกไปมั่วๆ นะ เพราะเดี๋ยวก็จะรู้สึกอยากนอนอยู่บ้านดีกว่าขึ้นมาอีกแหละ

ใช้แฟลชแยกของคุณย้ายตำแหน่งออกไปทางด้านข้าง ยกมันให้สูงแล้วกดลงมา คุณอาจจะนำมันไปวางไว้กับอะไรสักอย่างหรือไม่ก็ให้เพื่อนเข้ามาช่วยทำมาหากินก็ได้ แต่ที่สำคัญก็คือ ซูมแฟลชให้แสงมันแคบลงสักหน่อยเพื่อที่มันจะได้ไม่กระจายกลืนหายไปจนดูไม่เหมือนแสงแดดที่ลอดต้นไม้ลงมา จะปรับกำลังของมันขนาดไหนก็ต้องทดลองดูตามชอบ ขอให้มันคล้ายจนสร้างความแตกต่างของมิติในพื้นที่ได้ก็พอ

ไม่เคยรู้ละสิว่าแฟลชของเรามันทำแบบนั้นได้ด้วย? หยิบคู่มือมาเปิดดูเลยครับ มันไม่กัดหรอกนะ

 

5

5. ลงต่ำ-เข้าใกล้ สลายความเวิ้งว้าง

ยิ่งคุณมีเลนส์มุมกว้างอยู่ท่ามกลางสถานที่อันน่าสิ้นหวังมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งท้อใจมากขึ้นเท่านั้นแหละครับ เพราะภาพมุมกว้างอันเวิ้งว้างนั้นแทบจะหาสาระสิ่งใดไม่เจอ ยิ่งถ้าเป็นวันที่แสงไม่สวยด้วยก็เตรียมดูละครได้เลย (จบข่าว)

หันหน้าไปทางที่พระอาทิตย์ตกแล้วมองหาอะไรสักอย่างแถวนั้นดูครับ อะไรที่โผล่ขึ้นมาจากพื้นก็มีแนวโน้มที่จะช่วยจรรโลงอารมณ์เวิ้งว้างให้เราได้ทั้งนั้น เข้าไปหามันใกล้ๆ แล้วลงกล้องต่ำๆ เงยหน้ากล้องขึ้น ปรับค่าการเปิดรับแสงให้เป็นภาพแบบซิลูเอท (อันเดอร์เยอะๆ) เพื่อโชว์สีสันของท้องฟ้า ถ้ามี Live View ก็ใช้ซะ แล้วคุณจะเห็นว่าเจ้าสิ่งที่ดูรกหูรกตานั้นจะทำให้ภาพของคุณดูน่าสนใจมากขึ้น ที่สำคัญก็คือพยายามเปิดพื้นที่ท้องฟ้าส่วนอื่นๆ ให้โล่งเข้าไว้โดยมุมมอง ถ้ามันสิ้นท่าจริงๆ ก็ให้คนที่ไปด้วยนั่นแหละมายืนชี้มือชี้ไม้ประกอบให้มันดูน่าสนใจ หรือไม่ก็วางกล้องกับพื้น ใช้อะไรหนุนหน้ากล้องให้เงยขึ้นเสียหน่อยแล้วเดินไปเป็นดาราหน้ากล้องเองเสียเลย จะยืนทำเท่หรือเต้นชักกระตุกอะไรก็จัดไปตามถนัด

 

6

6. สลับพระเอก

บางทีก็ถึงคราวที่พระเอกต้องโดนต่อยลงไปนอนเลือดย้อยมุมปากเท่ๆ แล้วสลับให้พระรองขึ้นมาโดดเด่นบ้าง เมื่อคุณพบว่าสายธารที่คาดหวังเอาไว้นั้นเหลือปริมาณน้ำเพียงเท่าท่อประปารั่วหรือทะเลหมอกในฝันดูเบาบางราวกับมีใครจุดธูปอฐิษฐานจิตก็อย่าได้ท้อใจ แถวนั้นมันจะต้องมีพระรองให้เราดึงขึ้นมาเล่นได้อยู่บ้าง จัดมุมกล้องให้โดนสายตาคนดูโดยที่มีท่อประปารั่วหรือควันธูปนั้นให้เป็นส่วนประกอบเข้าในฉากหลังไปด้วยพอให้ได้บรรยากาศ อย่าลืมว่าบางทีมันก็เป็นมุมมองที่คุณคิดไม่ถึงหรอกถ้าหากจะมองด้วยสายตาของมนุษย์เพียงอย่างเดียว ลองเล็งผ่านมุมมองของกล้องถ่ายภาพดูครับ

 

7

7.สิ่งที่ไม่ได้เห็นกันทุกวัน

พยายามเดินหาดูหน่อยครับว่ามีอะไรที่ไม่ได้เห็นกันอยู่บ่อยๆ ในเมืองบ้าง? อะไรที่ไม่ใช่สิ่งที่เห็นกันโดยชินสายตาก็มีแนวโน้มว่าจะเป็นที่สนอกสนใจ โดยเฉพาะเมื่อมันเป็นภาพธรรมชาติที่คนกรุงแทบจะกรี๊ดสลบก็นั่นล่ะฮะคุณผู้ชม รีบไปถ่ายมันมาเลย ใช้ระยะโฟกัสแบบครอปแน่นๆ หน่อย เพราะมุมกว้างจะทำให้มันไม่ค่อยถูกเน้นมากนัก จะให้มีนกหนูหมูแมลงอะไรก็ลองดู (ซึ่งมันจะทำให้ยิ่งดูน่าสนใจเข้าไปกันใหญ่) รับรองว่าเพื่อนๆ ต้องอิจฉาโดยไม่รู้ว่าคุณวางถุงแห้วไว้แถวนั้นแน่ๆ

 

8

8.เจ้าถิ่น

ไม่ใช่นักเลงหัวไม้ระเบิดภูเขาเผากระท่อมนะครับ อันนั้นดีไม่ดีจะไม่ได้แค่ภาพถ่ายกลับมา ผมหมายถึงทุกที่ที่คุณไปจะต้องมีสัตว์หรือแมลงประจำถิ่นอยู่เสมอ และบางทีไอ้ตัวที่คุณดูหมิ่นดูแคลนอยู่นั่นอาจจะเป็นสัตว์หายากก็เป็นได้ใครจะรู้ ผมเองเคยเจอกันตัวมาแล้วว่าถ่ายภาพแบบถ่ายทิ้งถ่ายขว้าง ที่ไหนได้มารู้ทีหลังว่าเป็นผีเสื้อพันธุ์หายาก (ไม่ใช่ตัวในภาพนี้นะ) ก็เสียดายแทบอาเจียนเป็นผีเสื้อ คุณอาจจะหวังเพียงลูกฟลุ๊คเพียงอย่างเดียวก็ได้ แต่วิธีที่ผมใช้อยู่เสมอก็คือไปนั่งกินข้าวกินน้ำในร้านแถวนั้นเพื่อหาข่าวหาข้อมูลดู ชวนแม่ค้าพ่อขายคุยไปด้วยแล้วก็ถามเลยว่าแถวนี้มีตัวอะไรอยู่มั่ง? แถวนี้เค้ามาถ่ายอะไร? เผลอๆ คุณจะได้รู้ว่ามันมีอะไรที่เกินคาดไปเยอะเลยล่ะ แต่อย่าไปถามละว่าเจ้าถิ่นแถวนี้เป็นตัวอะไร เดี๋ยวก็ได้วงแตกกันเท่านั้นน่ะสิ

 

9

 9.อารมณ์แห่งผู้คน

คุณคอยแต่ภาวนาว่าให้พวกเค้าพ้นออกจากเฟรมไปเร็วๆ แต่หารู้ไม่ว่านั่นแหละครับคือตัวช่วยชั้นดีที่จะเสริมอารมณ์สถานที่อันแสนรันทดใจให้กับเราได้ นี่คือสิ่งที่ช่วยเบี่ยงประเด็นความน่าสนใจจากสถานที่ธรรมดาๆ ได้ครับเพราะจะทำให้ภาพดูไม่น่าเบื่อ ผู้คนมักจะสนใจเรื่องของคนอื่นอยู่เสมอว่าใครทำอะไรที่ไหน (ทำใจเถอะเข้าทั้งหูซ้ายและหูขวาผ่านสายตาแล้วรวมกันออกมาทางปาก) ดังนั้นคุณควรดูจังหวะและอากัปกิริยาของนักท่องเที่ยวเหล่านั้นให้ดี เลือกจังหวะที่แสดงออกถึงความสุขสนุกสนานเข้าไว้ อย่าไปเลือกจังหวะที่มันดูเซ็ง (เหมือนคุณในขณะนี้) เข้าล่ะ แทนที่จะช่วยกู้สถานการณ์ภาพถ่ายได้ก็กลับกลายเป็นสถานการณ์ที่ยิ่งดูน่าสมน้ำหน้าไปเสียอย่างนั้น หมั่นสังเกตและมองไปรอบๆ พร้อมทั้งคาดเดาสถานการณ์ล่วงหน้าเข้าไว้ อย่าไปทำตัวกระโตกกระตากโชว์ความเทพโดยเฉพาะอุปกรณ์อลังการ เดี๋ยวจะเสียอารมณ์ความเป็นธรรมชาติ แล้วก็กรุณาถ่ายภาพในจังหวะที่เขาเหล่านั้นดูดีนะครับ ห้องฉุกเฉินและทนายความเค้ามีงานทำจนล้นมืออยู่แล้วล่ะ ไม่ต้องไปเพิ่มงานให้เขาหรอก

 

10

10.สูงสุดคืนสู่ดอกหญ้า

ทั่วฟ้าเมืองไทยแหละครับจะต้องปรากฏ ดอกหญ้า” (ซึ่งมิได้หมายถึงร้านหนังสือ) ที่ไหนมีพื้นดินก็เป็นต้องมีดอกหญ้า ซึ่งเจ้านี่เมื่ออยู่ในมุมย้อนแสงแล้วมันก็จะสวยอย่าบอกใคร แล้วมันก็สามารถจะทำตัวเป็นฉากหน้าชั้นเริ่ดเพื่อเบี่ยงประเด็นของสถานที่ให้กับเราได้ด้วย คุณอาจจะใช้มุมกล้องที่เหลือพื้นที่ให้กับสิ่งปลูกสร้างหรืออะไรอื่นๆ ที่ดูงั้นๆ ได้ (แต่ต้องไม่เยอะ เอาแค่พอเล่าเรื่องได้) และเมื่อมันถูกเบี่ยงประเด็นด้วยเจ้านี่ก่อนแล้วละก็ ดอกหญ้าจะกระชากราคาหุ้นของคุณให้พุ่งขึ้นไปสูงได้จนแมงเม่าบินกันให้เกลื่อนเลยเชียวแหละ ลองเล็งๆ หาดูนะครับ อย่าไปประมาทว่ามันดูงั้นๆ มันอยู่ตรงไหนก็ตามย่อมจะต้องมีมุมที่ย้อนแสงได้ ซึ่งมันก็น่าจะสวยด้วย เป็นวัยรุ่นต้องย้อนแสงครับ จะรุ่นไหนแย้มฝาอะไรก็ตามแต่ ลองย้อนดูหน่อยก็แล้วกัน

 

11

11.สดชื่นที่สุด

ต่อให้คุณพลาดหลวมตัวเข้าไปนั่งๆ นอนๆ อยู่ท่ามกลางคอกปศุสัตว์ซึ่งอัดแน่นไปด้วยก๊าชมีเทนเข้มข้นอันเป็นที่มาของกลิ่นรัญจวน ภาพถ่ายของคุณก็ยังแสดงอาการสดชื่นยามเช้าได้อยู่ดี ถึงมันจะไม่มีอะไรที่น่าสนใจอยู่แถวนั้นก็เรียกคนที่ไปด้วยนั่นแหละให้มายืนทำท่าสดชื่นเข้าไว้ จากนั้นก็เปิดค่ารับแสงแบบซิลูเอทให้เป็นภาพเงาดำในช่วงเช้าหรือช่วงเย็นไปซะ รับรองว่ากลิ่นมันจะไม่โชยออกมาจากภาพได้หรอกครับ แต่ถ้าคุณไม่ได้ทำภาพแบบซิลูเอทแล้วปล่อยให้เห็นอะไรๆ ถนัดตามันก็ไม่แน่ที่มันจะโชยออกมาได้เหมือนกัน การปรับค่า WB ไปที่อุณหภูมิแสงสูงๆ ก็จะช่วยทำให้ภาพของคุณมีสีสันอันโดดเด่นได้ด้วย แค่นี้ก็ไม่ต้องแคร์สื่อแล้วว่าสถานที่จะสวยหรือไม่สวย เพราะภาพถ่ายของคุณมันดูสดชื่นซะขนาดนี้แล้วนี่นา จะได้เปิดโอกาสให้เพื่อนๆ ของคุณได้หลวมตัวกันได้บ้างในโอกาสถัดไปไงล่ะ …แม้เรื่องนี้จะไม่ต้องถึงครูอังคณาแต่เราจะไม่ยอมโดนคนเดียวแน่ๆ

 

12

12.ตื่นแต่เช้าออกไปหาแหล่งน้ำ

แนะนำราวกับจะให้ทำตัวเป็นนกกระยางออกหาอาหาร แต่เพราะแสงเช้า (หรือแสงเย็น) ที่ส่องกระทบผิวน้ำจะช่วยทำให้อะไรๆ ที่ดูรกรุงรังไม่น่าสนใจกลายเป็นอารมณ์โรแมนติกขึ้นมาได้ครับ จัดมุมภาพกว้างๆ แสดงบรรยากาศเสียหน่อย จัดสิ่งที่อยู่ในน้ำให้แสดงระยะใกล้-ไกลจนดูราวกับว่าแทบจะเดินเข้าไปในภาพได้ซึ่งมันจะทำให้ภาพดูมีน้ำหนักและมิติมากขึ้น และอย่าออกไปด้วยอารมณ์มุ่งมั่นซีเรียสเกินเหตุเพราะมันมักจะทำให้คุณไม่ค่อยเจอมุมภาพที่ดูน่าสนใจหรอก ลองเดินไปแบบอารมณ์นักท่องเที่ยวที่เหน็บเอาหลักการติดกระเป๋ากล้องไปด้วยนิดนึง ความรู้สึกที่อินไปกับบรรยากาศจะทำให้สัมผัสกับมุมภาพแบบนี้ได้ดีขึ้น

คุณอาจจะมองหาแต่แหล่งน้ำชนิดกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา แต่บางทีมันอาจจะเป็นแค่บึงเล็กๆ บ่อน้ำ กระถาง อ่าง หรือแม้กระทั่งน้ำขังตามพื้นก็อาจจะใช้ได้แล้ว แต่มันก็จะขึ้นอยู่กับมุมมองของคุณนั่นแหละ ยิ่งมันเล็กมากเท่าไหร่ก็ต้องยิ่งเข้าใกล้และลงต่ำมากเท่านั้น

สรุปส่งท้าย

ทั้ง 12 วิธีคิดนี้คงจะยังไม่ครอบคลุมเรื่องราวเทคนิคทั้งหมดเพื่อเอาตัวรอดจากสถานการณ์แห่งสถานที่อันทำให้เรารู้สึกเหมือนทำบุญมาน้อยเกินไปหรอกครับ ยังคงมีวิธีการดีๆ อยู่อีกเยอะแยะมากมายที่เราสามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้อีก ทดลองดูในสิ่งแปลกใหม่หรืออะไรที่ยังไม่เคยทำดูบ้าง มันอาจจะกลายเป็นเครื่องมืออันทรงพลังที่คุณถูกอกถูกใจเป็นยิ่งนักก็ได้ ผมเองก็หวังว่ามันจะช่วยกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ของคุณให้เข้ามาแทนที่อารมณ์เศร้าหมองแบบอยากจะร้องขอเงินคืนได้บ้าง พลาดแล้วก็พลาดไป คิดเสียว่าเป็นประสบการณ์แห่งความท้าทายและเพิ่มเติมความรู้ใหม่ๆ ก็แล้วกัน

ที่สำคัญก็คือ อย่าได้มองด้วยสายตาในแบบของนักท่องเที่ยวทั่วไปครับ นักท่องเที่ยวทั่วไปก็จะมองร้อยรู้สึกร้อยแต่ถ่ายภาพออกมาไม่ร้อยเพราะไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่าออกแรงกดชัตเตอร์ แต่ในฐานะนักถ่ายภาพ (ที่บ้าเที่ยว) คุณต้องมองร้อยรู้สึกร้อย แล้วหารมันลงมา เพราะภาพถ่ายยังขาดอีกหลายสิ่งของสถานที่ท่องเที่ยว อย่างเช่น ความรู้สึก มุมมองรอบด้าน อุณหภูมิ สภาพอากาศ อารมณ์ เพื่อนฝูง อาหาร เรื่องเล่าขำๆ ฯลฯ อันประกอบรวมเป็นความประทับใจซึ่งคนดูภาพเขาไม่ได้มารับรู้ร่วมกับเราด้วย ดังนั้นเราจึงต้องหารแล้วเพิ่มเทคนิควิธีเพื่อชดเชยสิ่งที่ไม่มีเข้าไปนั่นแหละ คุณจะไม่อยากเป็นคนที่ถ่ายภาพมาแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่สื่อสารกว้างไกลไปทั่วโลกคุยฟุ้งว่ารูปนี้ของเรามันสวยยังงั้นยังงี้ในขณะที่คนดูเค้าคิดในใจว่าถ่ายอะไรมาวะ? สวยตรงไหนวะ? เอาๆ ชมมันซะหน่อยพอเป็นพิธี อะไรแบบนี้แน่ๆ ใช่ไหมละครับ?

มาเพิ่มความเป็นเซียนขึ้นไปอีกหน่อย เปลี่ยนจากคำถามว่าถ่ายอะไรมาวะ? ให้กลายเป็น ถ่ายได้ยังไงวะ?” กันดีกว่า.

 ปิยะฉัตร แกหลง

30 ธันวาคม 2557

พูดคุยและติดตามผลงานของผมได้ที่ https://www.facebook.com/nextopia.photonextor

 

 

Comments

comments

You may also like...