ทะลุเลนส์ : Tooney Toy Museum พิพิธภัณฑ์ของเล่นแห่งใหม่ของเมืองนนท์

 

ไม่ใช่แค่เพียงชิ้นส่วนของพลาสติกที่เปื้อนสี แต่มันคือความทรงจำบางส่วนที่กระจัดกระจายหายไปตั้งแต่ในวัยเยาว์ ซึ่งได้มารวมตัวกันอยู่ ณ ที่แห่งนี้แล้ว!

1

 

ผมเองก็ไม่ใช่คนที่จะหลงไหลได้ปลื้มกับบรรดาของเล่นอะไรสักเท่าไหร่นัก แต่ถ้าเป็นตอนเด็กละก็เป็นต้องมีตื่นตาตื่นใจและกิเลสจะพุ่งพรวดสูงปรี๊ดขึ้นมาในทันทีทันใดที่ได้เห็น โดยเฉพาะเมื่อมันอยู่รวมกันมากๆ ตามแผนกของเล่นในห้างสรรพสินค้า ที่ไม่ว่าจะยุคไหนเวลาใดเหล่าผู้ปกครองก็ต้องเตรียมตัวสำหรับการควบคุมสถานการณ์เสียแต่เนิ่นๆ

อย่างที่บอกครับว่าผมเองไม่ได้ปลื้มกับของเล่นอะไรเหล่านี้มากมายนัก เวลาที่ไปตรงนู้นตรงนี้ก็รู้สึกว่าเฉยๆ สีสันสดใสตื่นตาดีอยู่เหมือนกัน บางครั้งก็มีความรู้สึกทึ่งในการช่างเก็บสะสมของเหล่าเจ้าของสถานที่เหล่านี้ แต่ก็อีกนั่นแหละ มันคงไม่ได้ถึงกับทำให้คนอย่างผมต้องกลับไปอีกเป็นครั้งที่สอง ที่สาม …หากไม่จำเป็น

จนกระทั่งได้ไปถ่ายภาพที่นี่ในวันเปิดทำการเป็นวันแรก ก็เหมือนกับพิพิธภัณฑ์หลายแห่งนั่นแหละครับที่ต้องมีของเล่นจำนวนมากๆ เข้าไว้ แต่ที่นี่มันมากมายเหลือคณานับจนน่าทึ่ง ทั้งๆ ที่ดูภายนอกแล้วก็แค่อาคารหลังเล็กๆ ที่ไม่น่าจะมีอะไรน่าสนใจมากนัก

จ่ายค่าตั๋วเข้าชม 150 บาทตามธรรมเนียม โลกแห่งการ์ตูนหลากสีสันก็ถาโถมเข้าใส่ในทันทีที่ก้าวเท้าเข้าไปด้านใน เด็กเล็กและเด็กโตสองสามคนกำลังตื่นตาอยู่แถวนั้น ผมสอบถามจากเจ้าหน้าที่เสียก่อนตามความน่าจะเป็นเมื่อเราถือกล้องเข้าไปในสถานที่แห่งใดแห่งหนึ่ง

“ถ่ายภาพได้หรือเปล่าครับ?” …ได้ค่ะ

“ใช้แฟลชได้หรือเปล่าครับ?” ได้ค่ะ

“ใช้ขาตั้งกล้องได้หรือเปล่าครับ?”…น่าจะได้นะคะ ที่นี่สนับสนุนให้ถ่ายภาพค่ะ

คำถามสุดท้ายนั้นเธอตอบไม่ค่อยเต็มเสียงมากนัก ซึ่งผมคิดว่าไม่น่าจะเป็นปัญหาเพราะนี่เพิ่งจะเปิดเป็นวันแรก และผมเองก็ไม่ได้คิดจะใช้ขาตั้งกล้องให้เกะกะวุ่นวายขัดขวางความสุขของเด็กๆ สักเท่าไหร่ อีกอย่างหนึ่งก็ไม่รู้ว่าจะไปเกี่ยวไปโดนเอาอะไรให้ตกหล่นแตกหักเสียหายบ้างหรือเปล่า เพียงแค่ถามไปตามความเคยชินเท่านั้น …ซึ่งผมเข้าใจว่าในระยะแรกๆ กฏข้อนี้อาจจะยังไม่ชัดเจนนัก จนกว่าจะเริ่มมีคนนำขาตั้งกล้องเข้ามาใช้มากขึ้นเรื่อยๆ ถึงเวลานั้นแล้วทางเจ้าของสถานที่ก็คงจะตัดสินใจอีกทีว่าจะมีข้อปฏิบัติอย่างไรกับเรื่องนี้?

2

ขึ้นบันไดไปชั้นที่สอง ผมก็เริ่มตื่นตาขึ้นมานิดๆ  เมื่อพบว่าที่ราวบันไดนั้นมีการนำชุดประกอบโมเดลที่แกะเอาส่วนประกอบออกไปหมดแล้วมาร่วมตกแต่งอย่างน่าดู ผนังห้องนั้นก็เต็มไปด้วยโมเดลขนาดเล็กๆ เรียงรายอยู่อย่างน่าสนใจ

และเมื่อเริ่มเข้าสู่ห้องแรก โมเดลและของเล่นจากหนังการ์ตูนมากมายทั้งฝั่งญี่ปุ่นและฝรั่งก็ปรากฏกายทำหน้าที่ในการเรียกความทรงจำในทันที หลายตัวนั้นเป็นอะไรที่คุ้นหน้าคุ้นตากันในยุคปัจจุบันดีอยู่แล้ว แต่หลายๆ ตัวก็เป็นความทรงจำที่ซุกซ่อนอยู่ในซอกหลืบแห่งกาลเวลาที่ผมลืมเลือนไปแล้วให้กลับขึ้นมาโลดแล่นได้อีก แม้ว่าจะนึกชื่อของมันไม่ออกก็ตามที

3

 

โมเดลอย่าง “กันดั้ม” นั้นเป็นอะไรที่มีชื่อเสียงโด่งดังอยู่แล้ว แต่เมื่อมันมารวมกันเป็นกระจุกอย่างนี้ทำให้ผมขนลุก ถึงแม้จะรู้จักอยู่แค่ไม่กี่ตัวแต่ผมก็เริ่มสนุกกับตามตั้งคำถามให้ตัวเองว่าใครเป็นใคร แม้ว่าเท่าที่จะจำได้นั้นก็เลือนลางเต็มที แต่มันก็ทำให้เราทึ่งกับสิ่งที่เรียกว่า “ความทรงจำ” ได้อย่างน่าประหลาด …เออแฮะ ขนาดผ่านมาตั้งหลายสิบปีแล้วเราก็ยังจะพอนึกออกได้บ้าง แถมยังนึกไปถึงเหตุการณ์ในช่วงนั้น สถานที่อันเป็นบ้านของเราในอดีต รวมไปถึงเพื่อนเก่าในวัยเยาว์ที่ต้องพยายามหาอะไรมาสวมมาใส่เพื่อให้เหมือนกับสิ่งที่อยู่ในทีวีมากที่สุด และก็ทำตัวราวกับเราเองก็มีพลังวิเศษเหมือนกับตัวการ์ตูนเหล่านั้นด้วย

5

 

…ซึ่งผมเชื่อว่าอย่างน้อยคุณเองก็น่าจะเคยเป็น ต่อให้มันผ่านมานานกี่สิบปีแล้วก็ตาม จริงไหม?

6

 

และก็ใช่เพียงในฝั่งของพลังพิเศษและความดุดัน ตัวการ์ตูนประเภทสวยงามน่ารักและอ่อนโยนก็ถูกจัดให้อยู่ในโซนถัดไป ซึ่งจะเรียกว่าเป็นโซนโลกสวยก็ยังได้

7

 

นอกจากความเยอะแยะมากมายหลากหลายแล้ว สิ่งที่น่าทึ่งอีกอย่างก็คือการจัดเรียงจัดแสดงได้อย่างสวยงามน่าสนใจ สถานที่ถูกตกแต่งได้อย่างสวยงามน่าชมและเป็นระเบียบเรียบร้อยมาก ผมคิดว่าแฟนๆ ตัวการ์ตูนเหล่านี้น่าจะใช้เวลาอยู่ได้เป็นวันๆ โดยไม่เบื่อหน่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับห้องแอร์เย็นฉ่ำเช่นนี้ 150 บาทก็จัดว่าไม่แพง

4

 

ถ้าคุณไม่ได้เป็นผู้ที่หลงไหลได้ปลื้มกับตัวการ์ตูนเหล่านี้สักเท่าไหร่แต่มีอันต้องพาหวานใจผู้กรี๊ดกร๊าดกับเจ้าตัวน้อยเหล่านี้มาเยือนละก็ ขอให้คุณทำความเข้าใจเอาไว้ว่าเขาหรือเธอกำลังเพลิดเพลินอยู่กับทั้งสีสันของตัวการ์ตูนและสีสันแห่งความทรงจำหลากหลายมากมายที่จะพรั่งพรูออกมาอยู่ตลอดเวลา และแน่นอนว่าย่อมจะต้องอยากแชร์กับคุณด้วย ดังนั้นโปรดเข้าใจเถิดว่าคุณต้องใช้เวลากับเรื่องนี้ค่อนข้างมาก…และอย่าได้แสดงท่าทีเบื่อหน่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออยู่ในช่วงทำคะแนน!

8

 

• ถ่ายภาพที่นี่

ในส่วนของการถ่ายภาพนั้น สถานที่จัดแสดงในอาคารแห่งนี้จัดว่ามีระดับแสงค่อนข้างน้อยสำหรับกล้องถ่ายภาพ ดังนั้นได้โปรดเตรียมตัวว่าคุณจะต้องได้ใช้ ISO ระดับ 800 ขึ้นไปหากต้องใช้มือเปล่าในการถือกล้องเพื่อให้สปีดชัตเตอร์ได้ในระดับ 1/60 วินาทีโดยที่ภาพไม่อันเดอร์

ตัวแบบแทบจะทั้งหมดนั้นถูกจัดแสดงอยู่ในตู้กระจก แน่นอนว่าการใช้แฟลชเพื่อถ่ายภาพย่อมสร้างปัญหาแสงสะท้อนกับผิวกระจกแน่นอน วิธีที่ง่ายและดีที่สุดก็คือการเพิ่ม ISO ไปที่ระดับ 800 ขึ้นไป ไม่ใช้แฟลช เว้นเสียแต่ว่าคุณจะถ่ายภาพบุคคลร่วมกับสถานที่ ซึ่งผมก็แนะนำว่าควร Fill-in เพียงแค่เบาๆ เพื่อไม่ให้เกิดอาการแสงหลอนหลอกกับสภาพแวดล้อมมากจนเกินไปนัก

และความจริงอีกอย่างสำหรับสถานที่แนวๆ นี้ก็คือ แฟลชจะรบกวนการชมของผู้อื่นอยู่พอสมควร โดยเฉพาะเมื่อมันสะท้อนกับผิวกระจกวูบวาบแสบตา ซึ่งผมเชื่อว่าในวันข้างหน้าแฟลชคงจะถูกห้ามใช้ในสถานที่แห่งนี้

9

คุณจะมีโอกาสได้ใช้ทั้งเลนส์มุมกว้างและเทเลโฟโต้ในการเก็บภาพที่นี่ มุมกว้างนั้นใช้เก็บบรรยากาศของสถานที่ ส่วนเทเลโฟโต้ก็จะช่วยจับภาพตัวแบบเด่นๆ พร้อมทั้งละลายฉากหลังให้มันยิ่งดูโดดเด่นได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งตัวแบบหลายๆ ตัวในที่นี้ก็มีรายละเอียดอันน่าทึ่ง เหมาะแก่การเจาะสนามจริงๆ ซึ่งภาพทั้งหมดของผมที่คุณได้เห็นนี้ก็มาจากการใช้เลนส์ซูมอเนกประสงค์ของ TAMRON ทั้ง 16-300mm กับกล้อง Nikon D5200 และ TAMRON 28-300mm ร่วมกับกล้อง Canon EOS 6D ซึ่งก็ให้ภาพออกมาอย่างที่เห็น และแน่นอนว่ามันค่อนข้างสะดวกต่อการใช้งานทั้งมุมกว้างและเทเลโฟโต้ แถมด้วยมาโครเทียบอีกเล็กน้อยโดยที่ไม่ต้องเปลี่ยนเลนส์ ปล่อยฝีมือให้ฟุ้งกระจายไปกับจินตนาการและความทรงจำได้เลย

10

 

ภาพที่คุณเห็นทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวเท่าปลายขนเมื่อเทียบกับจำนวนของเล่นทั้งหมดในที่แห่งนี้ คงจะต้องหาเวลามาดูให้เห็นกับตาแล้วล่ะว่าเกินความเป็นจริงไปหรือเปล่า? ไม่แปลกหรอกครับที่คุณไม่ค่อยจะอยากเชื่อ เพราะผมเองก็คิดแบบนี้มาก่อนแล้วเหมือนกัน จนกระทั่งได้ไปเห็นด้วยตาตัวเองนั่นแหละ

…จะต้องใช้เวลากี่วันกันละนี่ถึงจะถ่ายได้หมด?

11

 

คุณต้องมาถนนสรงประภาซึ่งอยู่แถวๆ ดอนเมืองครับ ถ้ามาจากวิภาวดีก็ต้องข้ามทางรถไฟเข้ามาตรงทางเข้าเจ๊เล้งเก่า วิ่งผ่านโรงแรมอมารีแอร์พอร์ต (ซึ่งอยู่หลังสถานีรถไฟดอนเมือง) แล้วเลี้ยวซ้ายมาทางถนนข้างวัดดอนเมือง ซึ่งถนนเส้นนี้ก็คือ”สรงประภา” จากนั้นก็วิ่งตรงเหยียดไปอีกอึดใจจนข้ามสะพานคลองประปา ซึ่งจะเป็นสี่แยกไฟแดง หลังจากสี่แยกนี้คุณต้องชิดซ้ายทำตัวประหนึ่งว่าจะขึ้นทางด่วน แต่ Tooney จะอยู่หน้าปากซอยก่อนถนนเยื้องซ้ายไปขึ้นทางด่วน ถ้าวิ่งเลยก็เอวังกันพอดี

หากคุณมาจากทางด่วน เมื่อเลยช่วงเมืองทองธานีมาแล้วจะมีทางลง “ศรีสมาน” ลงมาทางซ้ายแล้วคุณต้องชิดช่องขวาเข้าไว้ เมื่อผ่านตู้จ่ายค่าทางด่วนแล้วก็ขึ้นสะพานข้ามถนนสรงประภาแล้ววนซ้ายมาลงถนนสรงประภาฝั่งตรงข้าม ทีนี้ Tooney ก็จะอยู่ฝั่งตรงข้าม ซึ่งคุณต้องเล็งเอาไว้ให้ดีแล้วไปกลับรถมาหลังจากที่ลงสะพานข้ามคลองประปาไปแล้ว

ที่นี่เค้าเปิดเฉพาะวัน ศุกร์ เสาร์ และ อาทิตย์ เท่านั้นนะครับ ตั้งแต่เวลา 11.00 – 21.00 กินข้าวกินปลามาให้เรียบร้อยเพราะคาดว่าน่าจะใช้เวลาในการเที่ยวชมค่อนข้างนาน หรือถ้าไม่รู้จะไปฝากท้องที่ไหนบนถนนสรงประภานั่นก็จัดว่าเป็นดงอาหารเยอะแยะมากมายก่ายกอง ลองเลือกจั่วตามที่ต้องตาเถอะครับ หรือถ้าหิวๆ ออกมาละก็ “เกาเหลาเนื้อตุ๋นลุงหวัง” ที่ขึ้นป้ายอยู่ในซอยเดียวกันนั้นก็น่าสนใจ มีอาหารตามสั่งง่ายๆ ราคาไม่แพงตามสไตล์ร้านอาหารตามสั่งทั่วไป โดยเฉพาะผัดกระเพราของเค้านั้นเด็ดขาดนัก ท่านใดชอบรสจัดก็ไปลองดูเถอะ ส่วนในสถานที่ก็มีร้านกาแฟและเบเกอรี่นิดหน่อย

ที่จอดรถด้านหน้าอาคารนั้นมีไม่มากนัก สามารถขับเข้าไปจอดได้ แต่ถ้าเต็มก็ต้องเหน็บตามริมถนนตรงนั้นนั่นแล

อยากสอบถามอะไรกับทางนี้ก็เชิญที่นี่เลยครับ > https://www.facebook.com/TooneyMuseum

ปิยะฉัตร แกหลง

 

Comments

comments

You may also like...